ธนาคารกลางทั่วโลก แห่สำรองทองคำ หลังทำราคาทะลุ 4 หมื่นบาท

นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท จินฮั้วเฮง จำกัด ในฐานะรองเลขานุการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำที่ทะลุระดับ 40,000 บาท นับว่าไวกว่าที่คาด จากเดิมคิดว่าจะเห็นช่วงกลางปี นั่นเพราะธนาคารกลางหลายแห่ง ปรับเปลี่ยนนโยบายมาสำรองเป็นทองคำ แทนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะกลุ่ม BRICS อย่างอินเดีย จีน ที่หันสะสมทองคำมากขึ้น เพราะมองว่าบริหารจัดเก็บเองได้ ด้วยเห็นตัวอย่างจากกรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ทำให้พันธบัตรที่ฝากไว้กับสหรัฐฯถูกอายัดไป และทองคำถือเป็นทรัพย์สินปลอดภัย ในยามที่เกิดภาวะความขัดแย้งทั่วโลก ทั้งรัสเซีย-ยูเครน , อิสราเอล-ฮามาส และล่าสุดการโจมตีสถานกงสุลของอิหร่านที่ซีเรีย มากระตุ้นภาวะสงครามในตะวันออกกลาง จุดประเด็นให้ทองคำถูกสนใจมากขึ้น



ขณะที่ในบ้านเรา นักลงทุนและประชาชนทั่วไป มองว่าราคาจะแตะบาทละ 40,000 บาทอยู่แล้ว และเข้ามาซื้อทองไปตั้งแต่ราคาบาทละ 35,000-36,000 บาท โดยส่วนมากได้กำไรไปแล้ว และยิ่งราคาทองขึ้น กลับเห็นประชาชนและนักลงทุนรายย่อยเข้ามาซื้อทองคำมากขึ้น จากปกติที่หากทองราคาแพงคนจะมาแห่ขาย ซึ่งในช่วงที่ราคาทองคำสูงขึ้นแรก ๆ ยังเห็นคนมาซื้อและขายในสัดส่วน 50:50 แต่ตอนนี้เห็นคนมาซื้อสูงถึง 90% ราคาของชำถึงระดับบาทละ 42,000 บาท โดยเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจจะพุ่งแตะระดับ 2,500 ดอลลาร์ บวกกับเงินบาทอ่อนค่าทำให้ไทยนำเข้าราคาทองคำสูงขึ้นไปอีก ประกอบกับคาดการณ์เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงกลางปี และผู้ที่เข้ามาซื้อทองคำหลังจากนี้เป็นพวกสถาบันรายใหญ่มาซื้อทอง ไม่ใช่นักเก็งกำไร เพราะฉะนั้นมองว่าหากข้อกังวลในเรื่องของปัญหาสงครามยังมีอยู่ ราคาทองคงยังไม่ปรับลดลง การถือทองคำไว้อยู่จึงน่าจะดีกว่า นอกจากนี้เชื่อว่าประชาชนที่นำทองคำไปจำนำตามโรงรับจำนำ และร้านค้าทองในช่วงที่ราคาทองต่ำกว่านี้ คงแห่กันไปไถ่ทองคำในช่วงนี้กันมาก สำหรับราคาทองคำในในช่วงเดือนมีนาคมคงปรับขึ้นไปแล้ว 14% หากรับตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ปรับขึ้นไป 18%