เศรษฐกิจ
ราคาหมูร่วงเป็นเหตุ 'ซีพีเอฟ' ขาดทุนปี 66 กว่า 5 พันล้าน - 'แสนสิริ' ฟันกำไรกว่า 6 พันล้าน สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้ง
โดย nattachat_c
29 ก.พ. 2567
781 views
วานนี้ (28 ก.พ. 67) นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า
ผลการดำเนินงานปี 2566 มีรายได้จากการขายจำนวน 585,844 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายรวมลดลงร้อยละ 4.6 จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาสุกรที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นมาก และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่นำมาใช้ในการแปลงค่างบการเงินของบริษัทย่อยต่างประเทศ
ปี 2566 เป็นปีที่ท้าทายอย่างมาก ต้นทุนด้านต่าง ๆ ทั้งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ค่าพลังงาน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งกำลังซื้อที่ยังอ่อนตัวในหลายประเทศ ส่งผลให้เกิดภาวะเนื้อสัตว์ล้นตลาดในหลายประเทศ ทำให้ระดับราคาสินค้าไม่สามารถสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาสุกรในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าเนื้อสัตว์ผิดกฎหมายกดดันราคาอยู่ในระดับที่ต่ำมาก อีกทั้ง ราคาสุกรในประเทศจีนลดลงจากภาวะล้นตลาด ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมในประเทศจีน ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
นายประสิทธิ์กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 5,207 ล้านบาท
โดยบริษัทได้ปรับแผนการดำเนินงาน ให้ความสำคัญด้านประสิทธิภาพและการใช้กำลังการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีแผนกลยุทธ์ระมัดระวังในการลงทุนขยายงาน และค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับพฤติกรร มและความพึงพอใจของผู้บริโภค ที่เปลี่ยนไป
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 พบว่า
กำลังซื้อที่ยังไม่มีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจนในหลายประเทศ และการนำเข้าสุกรที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย ยังคงเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรม ผลจากการปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ประกอบกับแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง รวมทั้งการจำหน่ายเงินลงทุนบางส่วนในประเทศจีนในปีที่ผ่านมา ทำให้เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทปี 2567 จะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาแน่นอน
----------------
วานนี้ (28 ก.พ. 67) นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า
ในปี 2566 แสนสิริมีกำไรสุทธิสูงถึง 6,060 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งมาได้ 40 ปี เพิ่มขึ้น 42% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 4,280 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ ที่ 15.5% ทุบสถิติใหม่
นับว่าเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตด้านกำไรสุทธิสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้
ส่วนยอดขายรวมอยู่ที่ 49,000 ล้านบาท ด้านรายได้รวมก็ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน อยู่ที่ 39,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบ และแนวสูง โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวที่แสนสิริเป็นเจ้าตลาดอสังหาฯ ในระดับลักซ์ชัวรี่ และมียอดโอนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“สิ่งที่สำคัญและปัจจัยหลักที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นผลจากการตอบรับในแบรนด์ที่อยู่อาศัยของแสนสิริ ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าที่ดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะการครองใจกลุ่มลูกค้าลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ด้วยคุณภาพและบริการจากแสนสิริที่เหนือกว่า ผ่านประสบการณ์จริงของลูกค้าที่ได้สัมผัส ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในมาตรฐานสินค้าและบริการ จนส่งผลให้แสนสิริเป็นเบอร์หนึ่งผู้นำอสังหาฯ ลักซ์ชัวรี่จนถึงปัจจุบัน รวมถึงการควบคุมวินัยทางการเงินของบริษัทฯ เป็นอย่างดี การบริหารงานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพให้กับลูกค้า ทั้งหมดส่งผลให้แสนสิริมีประสิทธิภาพในการทำกำไรและสร้างรายรับให้มีศักยภาพสูงยิ่งขึ้น”
-------------
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/6uBWo6ogJvE