เศรษฐกิจ
'เศรษฐา' ร่ายยาวแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไทยครั้งใหญ่ - 'ภูมิธรรม' ชี้ถ้าปีนี้กระตุ้นไม่ได้ 'ต้มยำกุ้ง' จะกลับมา
โดย nattachat_c
26 ม.ค. 2567
51 views
วานนี้ (25 ม.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ทวีตคลิปรายการหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ ThaiPBS ที่มีหัวข้อ 'วิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540' พร้อมระบุข้อความว่า
"ถ้าปี 2567 นี้ รัฐบาลยังไม่สามารถดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่ตั้งใจ “วิกฤติแบบต้มยำกุ้งปี 40 จะกลับมา”
บันทึกไว้ตรงนี้..."ระยะทางพิสูจน์ม้า การเวลาพิสูจน์ความสามารถ ของคนในการประเมิน วิกฤติการณ์ของประเทศ"
..อีกไม่นานเกินรอจะได้เห็น"
---------------
วานนี้ (25 ม.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา 'The Better Future Forward 2024' หัวข้อ 'Reinventing Thailand : Toward Becoming a Key Global Player ทำประเทศไทยให้ดีกว่าเดิม : สู่พลังขับเคลื่อนหลักในเวทีโลก'
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำว่า 'Future Forward' พูดถึงอนาคต ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงโอกาสสำหรับคนไทย ทุกเรื่องที่จะพูด เป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนไทยใน 4 ปีข้างหน้า
โดยเมื่อเช้าได้ต้อนรับ ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ถือเป็นผู้บริหารสูงสุด ที่มาเยือนประเทศไทยในรอบ 22 ปี ถือว่านานมาก ซึ่งเยอรมนีเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยในอียู รวมถึงมีนักท่องเที่ยวอันดับต้นๆ จากอียูด้วย ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี
เรื่องความมั่นคงทางการเมือง ต้องควบคู่ไปกับสิทธิมนุษยชน เป็นสิ่งที่ต่างชาติให้ความสำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่การค้าอย่างเดียว และความเห็นต่างที่ต้องอยู่ร่วมกันได้ เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในสายตาของนักลงทุน นอกเหนือไปจากโอกาสในการทำธุรกิจ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของทักษะแรงงาน การแลกเปลี่ยนความรู้ความสามารถ ไม่ใช่แค่เรื่องการลงทุน แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสนับสนุนของบีโอไอ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายในการลงทุน และหวังเยอรมนีจะลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า หลายบริษัทมีความประสงค์เข้ามาตั้งบริษัทในประเทศไทย แต่พบว่า ติดปัญหาเรื่องขั้นตอนการขออนุมัติต่าง ๆ มีความซับซ้อนกว่าจะได้รับการอนุมัติต้องใช้เวลานาน รวมถึงการไปทำธุรกรรมต่าง ๆ เป็นเรื่องสำคัญ บั่นทอนการเข้ามาลงทุนในไทย โดยรัฐบาลนี้ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลการลงทุน และการขออนุมัติต่าง ๆ ให้ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น พยายามสร้างโอกาสให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ส่วนเรื่องภาษี ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งทำให้การตัดสินใจมาลงทุนในประเทศไทย มีคำถามเกิดขึ้นทำให้เสียโอกาส ถ้าแก้ปัญหาไปได้ อะไรทำได้ก็ทำก่อน ตนไม่อยากใช้คว่า ควิกวิน เดี๋ยวจะถูกล้อเลียนว่า อะไรก็ทำแบบควิกวินอย่างเดียว สิ่งที่หมายถึงคือ อะไรทำได้ก็ทำก่อน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงสิ่งที่หลายคนสนใจ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ทุกคนมีความคิดเห็นเป็นตัวของตัวเอง แตกต่างกันไป
จุดยืนของรัฐบาลชัดเจนว่า เศรษฐกิจวิกฤติ โดยดูจากตัวเลขการเติบโต เราไม่สามารถสู้ประเทศคู่แข่งได้ เราไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวบนโลก เราอยู่ท่ามกลางการแข่งขันสูง ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ อินโดนีเชีย กัมพูชา ที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ในไตรมาสที่ 3 สูงกว่าเรา ถ้าเรายืนอยู่คนเดียวบนโลก การเติบโตที่ร้อยละ 1.5 คงไม่เป็นไรแต่วันนี้เราแพ้คู่แข่ง 2-3 เท่าตัว
ตนเชื่อว่า อนาคตที่ดีโอกาสที่สดใสก็จะมืดมนลงไป ถ้าไม่มีการทำอะไรเกิดขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่ตนเสนอมา คือโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีหลายคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นกระจกสะท้อนของเลขาคณิตได้อย่างชัดเจน เป็นประเทศที่มีพีระมิด คนมีเงินมากอยู่ฐานบน คนมีเงินน้อยอยู่ฐานล่าง มีคนต้องการความช่วยเหลืออยู่มาก
ที่ผ่านมา หลายรัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบหยอดน้ำข้าวต้ม แจกเงินทีละ 500 บาท ทีละ 1,000 - 2,000 บาท ถามว่าไปถึงไหน ตลอดเวลา 10 ปี หลังเศรษฐกิจขยายตัว ร้อยละ 1.8 มันไม่ไปไหน มันไม่เวิร์ค จึงต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนเรื่องของการป้องกันการคอรัปชั่น ซึ่งรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญเป็นที่สุด ให้จินตนาการว่า ถ้าดิจิทัลวอลเล็ตเกิดขึ้น สภาอุตสาหกรรมทั้งหลาย ทุกคน ต้องพร้อม เพราะเม็ดเงินใหม่เข้ามาในระบบประมาณ 500,000 ล้านบาท ถ้าท่านเป็นผู้ผลิตจะไม่ผลิตสินค้าหรือ การจ้างงาน และเงินในกระเป๋าของประชาชนก็จะเพิ่มมากขึ้น เราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของทุกอำเภอ ทุกจังหวัดของไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรื่องหนี้ก็เป็นปัญหาใหญ่ หนี้ครัวเรือนมากกว่าร้อยละ 90 เรื่องหนี้สิน ไม่มีรัฐบาลไหนเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งหนี้ในระบบ และหนี้นอกระบบ ไม่มีการแก้ไขอย่างชัดเจน ทั้งที่เป็นส่วนที่เราสามารถแก้ไขได้ แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ หนี้นอกระบบที่ประชาชนในต่างจังหวัดต้องเผชิญอยู่
ตนได้ลงพื้นที่ไปหลายจังหวัด เกษตรกรเป็นหนี้อยู่ 80,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยวันละ 4,000 บาท จ่ายมาสี่ปี ทบต้นไม่เท่าไหร่ ซึ่งต้องช่วยกันแก้ไข รัฐบาลมีนโยบายฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และ สตช. กระทรวงการคลัง มีการเรียกเจ้าหนี้นอกระบบมาพูดคุย ถ้าลูกหนี้จ่ายเงินครบถ้วนแล้วก็ต้องยกเลิกหนี้กันไป ถ้าหนี้สินตรงนี้ไม่ถูกแก้ไขก็มีปัญหาต่อไป ทำให้ฐานรากสังคมไม่แข็งแรง
รวมถึงค่าแรงขั้นต่ำ เชื่อว่าร้อยละ 99.9 ไม่มีใครพอใจกับค่าแรงขั้นต่ำที่มีอยู่แค่นี้ ถ้า 10 ปี ทำงานเงินเดือนขึ้นมาร้อยละ 12 ไม่มีใครรับได้ เศรษฐกิจจะเติบโตได้อย่างไร ความเหลื่อมล้ำก็จะไม่หมดไป รัฐบาลนี้มุ่งมั่นต้องการทำให้สำเร็จ และรัฐบาลนี้ต้องให้โอกาสกับทุกบุคคล
ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว ต้องพูดถึงเรื่องสนามบินด้วยศักยภาพของประเทศไทย ในภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ เราสามารถเป็นศูนย์กลางของเอเชียแปซิฟิกได้ ในการเป็นศูนย์การบินระดับโลก จึงมีแนวคิดยกระดับสนามบินต่างจังหวัด ทั้งเชียงใหม่ ซึ่งจะมีการปรับชื่อเป็นสนามบินล้านนา เพื่อให้เชื่อมโยงกับ ลำปาง ลำพูน ส่วนภาคใต้ก็จะเป็นสนามบินอันดามัน เชื่อมโยงจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา และระนอง ซึ่งจะทำให้เราเป็นเอเชียฮับระดับโลก หลายประเทศให้ความสนใจในเรื่องนี้ ยกให้เราเป็นพี่ใหญ่ในเรื่องของการท่องเที่ยว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สุดท้าย คือเรื่องสาธารณสุขเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ หากย้อนไปเมื่อ 20 ปีที่ แล้วมีโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ในรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนโยบายที่ประชาชนคนไทยได้ประโยชน์สูงมาก หลายคนไม่ทราบว่าหลายประเทศ ขอมาพูดคุยนำนโยบายไปจัดทำ ทำให้เรื่อง 30 บาทรักษาทั่วโลกประสบความสำเร็จประสบความสำเร็จ
นายกรัฐมนตรี ยังพูดย้ำว่า นโยบายใหญ่ใหญ่ ถูกต้านมาโดยตลอด มีวาทกรรมประหลาดออกมาตลอด 30 บาทตายทุกโรคบ้าง อะไรบ้าง วันนี้ คนที่พูดเหล่านี้เหล่านั้น อยู่ที่ไหนบ้าง ประชาชนคนไทยฐานรากของพีระมิดรับประโยชน์สูงสุดอยู่เค้าอยู่ได้อยู่ดี มีชีวิตที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีก็เพราะนโยบายนี้ รัฐบาลนี้จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เราจะมีการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรคขึ้นไปอีก ทำให้การเข้าถึงบริการมีมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องสิทธิเสรีภาพ เรื่องรัฐธรรมนูญเราพยายามไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้บนสภาวะที่เราอยู่ร่วมกันในความเห็นต่างอย่างมีความสุขในทุก ๆ คน เรื่องสิทธิเสรีภาพในการเลือก ทั้งเรื่องการเลือกเพศสภาพ ซึ่งรัฐบาลนี้ได้นำเข้าสู่สภา และผ่านวาระแรกไปแล้ว เรื่องการเกณฑ์ทหารก็มีให้การเกณฑ์ทหารอย่างเสรี และช่องว่างทหารกับประชาชนก็แคบลงเรื่อย ๆ
ขอให้มั่นใจว่า โอกาสที่มีไม่ใช่แค่โอกาสทางด้านเศรษฐกิจ ที่ประชาชนจะมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น แต่เป็นโอกาสที่ทำให้หัวใจของพี่น้องประชาชนฟูขึ้นได้จากการมีสิทธิเสรีภาพที่ดี
สำหรับการปาฐกถาในวันนี้ นายกฯยังได้ย้ำถึงโครงการแลนด์บริดจ์ พร้อมเปรียบเทียบถึง เมกะโปรเจ็กต์ อย่างสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มองว่า ต้องสร้างโครงการนี้ เพราะต้องใช้ระยะเวลาเป็น 10 ปี ซึ่งพูดตอกย้ำในลักษณะเดียวกับเวที งานสัมมนา 'Thailand 2024 The Great Challenge เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส'
พร้อมยังระบุว่า ที่หลายคนมองว่า หากทำแลนด์บริดจ์ จะทำให้ประเทศสิงค์โปร์ไม่พอใจ ย้ำว่านี่ไม่ใช่การแข่งขัน แต่เป็นการเสริมกัน เรื่องการขนส่งสินค้า และไม่อยากให้ไปเชื่อมโยงการเมือง เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ จีน หรืออินเดีย เชื่อว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จ และต้องทำการศึกษารายละเอียด พร้อมรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย
-----------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/TE7v2BPrO0o
แท็กที่เกี่ยวข้อง ภูมิธรรม เวชยชัย ,กระทรวงพาณิชย์ ,วิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ,เศรษฐา ทวีสิน ,สิทธิมนุษยชน ,บีโอไอ ,มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ,ดิจิทัลวอลเล็ต ,หนี้ในระบบ ,หนี้นอกระบบ ,ค่าแรงขั้นต่ำ ,โครงการแลนด์บริดจ์ ,The Better Future Forward 2024 ,Reinventing Thailand ,ความมั่นคงทางการเมือง ,การกระตุ้นเศรษฐกิจแบบหยอดน้ำข้าวต้ม ,30 บาท รักษาทุกโรค