เศรษฐกิจ

จุฬาฯ-WEF เผยเศรษฐกิจไทยรั้งอันดับ 51 ของโลก แนะควรเร่งพัฒนาขีดความสามารถ

22 ม.ค. 2567

214 views

คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ World Economic Forum (WEF) เผยแพร่รายงาน The Future of Growth Report 2024 ซึ่งทำการสำรวจและวิเคราะห์ทิศทางการเติบโตในอนาคตของประเทศต่างๆ ครอบคลุม 107 ประเทศทั่วโลก พบว่า ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 51


อันดับ 1 ของโลก คือ ประเทศสวีเดน ตามด้วยสวิตเซอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และเดนมาร์ก


ในแถบประเทศเอเชีย ญี่ปุ่นนำโด่งในลำดับที่ 11 ตามด้วยเกาหลี ลำดับที่ 12 และสิงคโปร์ ลำดับที่ 16 ในขณะที่มาเลเซีย อยู่ลำดับที่ 31 เวียดนาม 36 อินโดนีเซีย 50 และไทยลำดับ 51 จากคะแนนรวมที่ถ่วงน้ำหนักทั้ง 4 มิติแห่งการเติบโตของประเทศ ได้แก่ ด้านนวัตกรรม (Innovativeness) , ด้านความครอบคลุมของโครงสร้างพื้นฐาน (Inclusiveness) , ความยั่งยืน (Sustainability) และความยืดหยุ่น (Resilience)


จากการเปรียบเทียบผลประเมินของประเทศไทยกับผลประเมินโดยรวมของประเทศต่างๆ ทั่วโลก และผลประเมินของประเทศในกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางระดับบน พบว่า ประเทศไทยมีคะแนนด้านนวัตกรรม (Innovativeness) เท่ากับ 47.94 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก (45.2) และค่าเฉลี่ยของประเทศในกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางระดับบน (39.3) สะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นของไทยในการเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรม


ด้านความครอบคลุมของโครงสร้างพื้นฐาน (Inclusiveness) ประเทศไทยได้คะแนน 55.66 ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยโลก อยู่ที่ 55.9 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางระดับบน ซึ่งอยู่ที่ 54.8 แสดงให้เห็นว่าไทยยังคงดำเนินการเพื่อการเติบโตที่เป็นธรรม และรวมทุกภาคส่วนเข้าไว้ด้วยกัน


ด้านความยั่งยืน (Sustainability) คะแนนของประเทศไทยเท่ากับ 40.84 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก ซึ่งอยู่ที่ 46.8 และค่าเฉลี่ยของประเทศในกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางระดับบน ซึ่งอยู่ที่ 44.0 จึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความจำเป็นที่ต้องมีการเร่งดำเนินการเพื่อพัฒนาด้านความยั่งยืนของไทยให้เพิ่มมากขึ้น


ด้านความยืดหยุ่นและการปรับตัว (Resilience) ซึ่งแสดงถึงการปรับตัวต่อผลกระทบต่างๆ คะแนนของประเทศไทยเท่ากับ 51.5 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก ซึ่งอยู่ที่ 52.75 เล็กน้อย แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางระดับบน อยู่ที่ 50.0 สะท้อนให้เห็นว่าไทยมีความสามารถในการตอบสนอง และฟื้นฟูจากวิกฤติต่างๆ ได้พอประมาณ และควรมีการพัฒนาในด้านนี้ต่อไป


ดังนั้น ประเทศไทยควรเร่งเพิ่มขีดความสามารถในทุกด้าน แม้ว่าด้านนวัตกรรมจะทำได้ดี แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาในด้านต่างๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะด้านความยั่งยืน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพของการเติบโตของประเทศให้ดียิ่งขึ้น


การนำเสนอรายงานในครั้งนี้ แสดงให้เห็นข้อมูลระดับประเทศ ที่ช่วยให้ผู้มีส่วนกำหนดนโยบาย และทิศทางในการพัฒนาการเติบโตของประเทศจาก 4 มิติ ที่สำคัญต่อการเติบโตของประเทศ ซึ่งจะเป็นเข็มทิศในการกำหนดแนวทางนโยบาย และกลยุทธ์สำหรับประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างการเติบโตที่มีทั้งในด้านนวัตกรรม ด้านความครอบคลุมของโครงสร้างพื้นฐาน ด้านความยั่งยืน และด้านยืดหยุ่นให้ดียิ่งขึ้นไป


นอกจากนี้ รายงานฉบับนี้ เน้นย้ำถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งคาดว่า จะลดลงสู่อัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษภายในปี 2030 ท่ามกลางผลกระทบทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนี้ทำให้เกิดความท้าทายระดับโลกที่รุนแรงขึ้น รวมถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศและสัญญาทางสังคมที่อ่อนแอลง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในการพัฒนา ดังนั้น การมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพของประเทศต่างๆ จึงมีความสำคัญต่อการรับมือกับความท้าทายที่หลากหลายนี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ