'สตาร์บัคส์' แจงต้นทุนสูงขึ้น ปรับราคาเมนูเครื่องดื่ม 5-10 บาท หลังไม่ได้ปรับกว่า 2 ปี

ร้านกาแฟ สตาร์บัคส์ ปรับขึ้นราคาเครื่องดื่มและอาหาร บางรายการในระดับประมาณ 5-10 บาท เริ่มต้นวันที่ 4 มกราคม เป็นวันแรก

โดย รายการสินค้าที่ขึ้นราคา ประกอบด้วย เครื่องดื่มปั่นทุกเมนู ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ บางเมนูขนาด Tall จะยังคงเป็นราคาเดิม ส่วนกลุ่มอาหารที่จะขึ้นราคานั้น อาทิ แซนด์วิช ที่ขึ้นเป็นบางรายการ

ทั้งนี้ การปรับราคาครั้งนี้ มีผลในทุกช่องทางทั้งหน้าร้านและสั่งออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ อาทิ LINEMAN, Grab

ที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ ประเทศไทย เคยปรับขึ้นราคาในระดับประมาณ 5 บาท มาแล้ว อาทิ เมื่อ 6 มกราคม พ.ศ.2563 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 2.5 ปี โดยขึ้นราคาทุกรายการยกเว้นเมนูปั่น ด้วยเหตุผลเรื่องต้นทุนสินค้า

ขณะเดียวกันมีผู้บริโภคเข้าไปสอบถามยังหน้าเพจเฟซบุ๊ก Starbucks Thailand เกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาสินค้า ทำให้แบรนด์คำตอบคำถามว่า

โดยคอมเมนท์ดังกล่าวก็ได้มีผู้บริโภทท่านอื่นเข้ามาแสดง ความเห็นว่า “ราคา เมื่อเทียบกับรายได้ เหมือนจะแพงกว่า usa แล้ว”

ต่อมาวันเดียวกัน สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ได้ออกเอกสารชี้แจงเหตุผลของการปรับขึ้นราคาเครื่องดื่มครั้งล่าสุด ระบุว่า

“การปรับราคานี้เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินการ และการจัดการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทพยายามที่จะคงราคาเดิมไว้เพื่อที่ไม่ให้ส่งผลกระทบกับลูกค้า

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2567 นี้เป็นต้นไป สตาร์บัคส์ ประเทศไทย มีความจำเป็นต้องปรับราคาในหมวดเครื่องดื่มขึ้น 5 บาท

ส่วนสินค้าอื่นทั้งขนม เมล็ดกาแฟ เครื่องดื่มบรรจุขวด และดริงก์แวร์ และการเติมน้ำเชื่อม วิปครีม และการเพิ่มส่วนผสมต่างๆ จะยังคงใช้ราคาเดิม

พร้อมขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และย้ำว่าจะยังคงเดินหน้า มอบประสบการณ์สตาร์บัคส์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าต่อไป”

ทั้งนี้ สำหรับเมนูเครื่องดื่มที่จำหน่ายในร้านสตาร์บัคส์ มีหลากหลายประเภท เช่น หมวดชา TEAVANA เมนู Earl Grey, English Breakfast ร้อน ขนาด 12 ออนซ์ หรือ TALL ราคา 100 บาท ขนาด 20 ออนซ์ หรือ Venti เมนู Pure Matcha ขนาด 12 ออนซ์ ราคา 155 บาท และขนาด 20 ออนซ์ ราคา 185 บาท เมนูกาแฟปั่นอย่าง Matcha White Chocolate Affogato ขนาด 12 ออนซ์ ราคา 175 บาท และขนาด 20 ออนซ์ ราคา 205 บาท เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้กาแฟสตาร์บัคส์ จะเน้นจับกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง แต่หลายครั้งที่ “ราคาสินค้า” ในประเทศไทยถูกนำมาเปรียบเทียบกับ “ค่าแรงขั้นต่ำ” ที่ผ่านมาคืออัตรา 300 บาทต่อวัน ก่อนรัฐบาลไฟเขียวขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเมื่อ 1 มกราคม 2567 อีก 2-16 บาท เมื่อเทียบกับราคากาแฟ 1 แก้วของแบรนด์ระดับโลก เรียกว่าเกือบกินรวบเงินค่าแรงขั้นต่ำเลยทีเดียว

ปัจจุบันร้านกาแฟสตาร์บัคส์ บริหารสิทธิ์โดยบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ผนึกกับกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ธุรกิจอาหารจากฮ่องกง “แม็กซิม กรุ๊ป"Maxim’s Group) ในการเข้าซื้อกิจการร้านกาแฟระดับโลกด้วยมูลค่า 650 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อรับสิทธิ์เป็นผู้บริหารแฟรนไชส์เพียงเจ้าเดียวตั้งแต่ปี 2562

อย่างไรก็ตาม แผนธุรกิจของร้านกาแฟระดับโลก สตาร์บัคส์ ภายใต้เงาอาณาจักรไทยเบฟ มีเป้าหมายใหญ่ลุยขยายสาขาไทยเพิ่มขึ้นอีกเกือบ “เท่าตัว” หรือให้ครบ 800 สาขาในปี 2573 จากปี2566 มีร้านให้บริการ 456 สาขาทั่วประเทศ

------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/qFS-Z_RYOdc