เศรษฐกิจ
ศก.ซบเซา บะหมี่กึ่งฯขายดี สต็อกไม่พอ - 'สภาอุตฯ' ชี้ต้องหามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่ม
โดย nattachat_c
4 ธ.ค. 2566
158 views
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีก-ค้าส่งจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ปัจจุบันด้วยภาวะเศรษฐกิจ และคนมีรายได้ลดลง มีผลต่อกำลังซื้อค้าปลีกไม่ค่อยคักคักมากนัก แม้แต่เบียร์ยอดขายยังทรงตัว ยกเว้นบางยี่ห้อที่มีการส่งเสริมรายการพิเศษ จะทำยอดขายได้ จากเดิมเมื่อใกล้เข้าสู่เทศกาลปีใหม่ จะมียอดขายหรือออร์เดอร์เพิ่มขึ้น แต่ปีนี้ดูเงียบๆ แต่ที่น่าแปลกใจคือเครื่องดื่มชูกำลังที่ยอดขายตกทุกยี่ห้อ จากเดิมที่ร้านเคยขายได้ 10,000 ลังต่อเดือน แต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมายอดขายตกเหลือ 2,000 ลังต่อเดือนเท่านั้น ขณะที่มาม่ากลับขายดีขึ้น จนสต็อกไม่พอขาย ซึ่งยอดขายมาม่าน่าจะเป็นดัชนีชี้วัดภาพรวมเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดีว่าดีหรือไม่ดี
นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ขณะนี้ยอดขายที่ร้านยังทรงตัว ทุกสินค้ายอดขายนิ่ง โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟื่อย ทั้งเบียร์ เครื่องดื่มชูกำลัง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น หวังว่าหากรัฐบาลแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะช่วยทำให้กำลังซื้อคักคักขึ้นในปี 2567
“ยอดขายเบียร์ลดลงประมาณ 30-40% ซึ่งยอดตกมาต่อเนื่องนับตั้งแต่โควิด สาเหตุน่าจะมาจากภาวะเศรษฐกิจ คนมีรายได้น้อยลง ใช้จ่ายประหยัด ไม่ซื้อของฟุ่มเฟื่อย ประกอบกับมีการจำกัดการซื้อเป็นเวลาด้วย ซึ่งภาครัฐน่าจะแก้กฎหมายให้สามารถขายได้ทุกช่วงเวลา เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ รอลุ้นปลายปีมีเทศกาลปีใหม่ จะกระเตื้องขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้มีสินค้าเกี่ยวกับคนสูงวัยที่ขายดีสวนกระแส เช่น นมเอนชัวร์” นายมิลินทร์ กล่าว
-------------
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2567 ยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะปัจจัยภายในที่ประเทศไทย ยังคงมีปัญหาภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงทำให้กำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐจากงบประมาณปี 2567 จะล่าช้าออกไปเป็นเดือน เม.ย. หรือ พ.ค. จึงส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยยังคงมีความเปราะบาง ดังนั้น จำเป็นที่รัฐบาลต้องหามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อประชาชน เพื่อประคองเศรษฐกิจระหว่างนี้เพิ่มเติม
“ผมคิดว่าการที่รัฐจะมีมาตรการ “e-Refund” ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ.ปีหน้า เป็นเรื่องที่ดีแต่แค่สั้นๆ ยังเห็นว่าจำเป็นต้องมีอื่นๆ เพิ่มเติมให้ต่อเนื่องอีกเพราะต้องยอมรับว่ากำลังซื้อของคนไทยอ่อนแอมากเพราะมีหนี้ครัวเรือนที่เป็นทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ ที่รัฐบาลยังต้องใช้เวลาในการปรับโครงสร้างอยู่พอสมควร”
นอกจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ยังมีปัจจัยของค่าครองชีพต่างๆที่คนไทยยังมีแนวโน้มต้องรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากพลังงานทั้งค่าไฟฟ้า น้ำมัน ทั้งกลุ่มดีเซลและเบนซิน รวมถึงก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ที่รัฐบาลได้ออกมาตรการดูแล ที่จะทยอยสิ้นสุดมาตรการในสิ้นปีนี้ เช่น การตรึงราคาน้ำมันดีเซล แอลพีจี ท่ามกลางภาระหนี้ของกองทุนน้ำมันหลายหมื่นล้านบาท ทำให้ภาพรวมพลังงานของไทยปีหน้า ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นและหากตลาดโลกขยับแรง จะทำให้ยิ่งกดดันเพิ่มขึ้น จึงนับเป็นความเปราะบางที่รัฐบาลต้อง มองในเรื่องแผนรับมือผ่านการปรับโครงสร้างต่างๆที่เน้นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวเอาไว้ล่วงหน้าอย่างเร่งด่วน
---------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/2mafmRQ2jcY