เศรษฐกิจ

'เศรษฐา' นำทีมแถลงแก้หนี้นอกระบบ ชี้เป็นการค้าทาสยุคใหม่ ยกเป็นวาระแห่งชาติ

โดย nattachat_c

29 พ.ย. 2566

32 views

วานนี้ (28 พ.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะแถลงเรื่อง 'ปรับหนี้นอกระบบ' พร้อมด้วย

  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
  • นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
  • พล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)


นายกรัฐมนตรี เริ่มการแถลงโดยกล่าวถึงหนี้นอกระบบ ที่เป็นปัญหากัดกร่อนสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของคนไทย


วันนี้เราจะเอาจริง กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ คืนศักดิ์ศรี สร้างความมั่นคงให้กับคนไทยทุกคน


โดยจะร่วมกับฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกระทรวงการคลัง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับครัวเรือนถึงมหภาค ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่ให้กลับไปเป็นหนี้ซ้ำ


ซึ่งที่ผ่านมา มีการประเมินตัวเลขประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบ กว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งตนยังมองว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำเกินไป ปัญหาจริง น่าจะมากกว่านั้น


นายเศรษฐา ยังย้ำว่า “พวกเขาไม่สามารถแม้กระทั่งจะฝัน ถูกปิดโอกาสการเติบโต ส่งผลกระทบเป็นโดมิโน ผมถือว่าเรื่องหนี้นอกระบบคือ 'การค้าทาสยุคใหม่' พรากอิสรภาพไปจากผู้คน”


พร้อมกล่าวว่า วันนี้ รัฐบาลได้บูรณาการหลายภาคส่วน โดยจะรับบทเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยดูแลทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้อย่างเป็นธรรม ทั้งเรื่องดอกเบี้ยที่แพงเกิน หรือการทวงหนี้ที่รุนแรง เพื่อทำให้ลูกหนี้มีอากาศหายใจ


ยืนยันว่า จะดำเนินการไม่ให้ซับซ้อน มีขอบเขตตั้งแต่ต้นจนจบ ทำถังข้อมูลกลาง มีตัวเลขตรวจสอบได้ มีวิธีเข้าสู่กระบวนการสื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ให้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยถูกต้อง


ซึ่งตนได้ฝากให้ 2 หน่วยงาน ทั้งฝ่ายปกครอง และตำรวจ ให้ทำงานอย่างมีเป้าหมาย มีกรอบเวลาชัดเจน ซึ่งหลังไกล่เกลี่ย  รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังก็จะเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ให้


“การแก้หนี้ครั้งนี้ ไม่ใช่ยาปาฏิหาริย์ แต่ผมมั่นใจว่า เศรษฐกิจที่ดีขึ้น จะทำให้ประชาชนมีรายได้ ไม่จำเป็นต้องก่อหนี้อีก และรายย่อยก็สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้”

-------------

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า วันที่ 12 ธ.ค. นี้ จะแถลงแก้หนี้แบบครบวงจร ทั้งในและนอกระบบ ตนจะทำให้โครงการนี้ปลดปล่อยประชาชน จากการเป็นทาสหนี้นอกระบบ


ผู้สื่อข่าว ถามถึงเกณฑ์การไกล่เกลี่ยว่า มีการกำหนดเพดานการคิดดอกเบี้ยหรือไม่

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ห้ามคิดเกิน 15% ต่อปี ซึ่งต้องดูว่า ตั้งแต่เป็นหนี้จ่ายไปแล้วเท่าไหร่ หากจ่ายเกินไปแล้ว ก็ต้องยกเลิกต่อกัน


และยืนยันว่า มาตรการที่จะดำเนินการนี้ ไม่เหมือนในอดีต เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ทำงานแบบบูรณาการ แต่ครั้งนี้ จะทำงานเชิงรุกมากขึ้น


สำหรับฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง ต้องมีเจ้าหนี้มาเจรจา  และเราจะมีกระทรวงการคลังเข้ามา ซึ่งขออย่าลืมว่า ก็ยังมีการแก้ไขหนี้ในระบบอีกด้วย ที่จะทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ ทำให้การกลับมาเป็นหนี้ยากยิ่งขึ้น ถ้าจะพูดว่าไม่ให้กลับมาเป็นหนี้อีกเลย คิดว่าจะลำบาก แต่ต้องมีความเป็นธรรม ตามที่กฎหมายกำหนด


การที่เรามีความร่วมมือวันนี้ ถือเป็นนิมตรหมายที่ดี นำทุกภาคส่วนมาบูรณาการ มาแก้ไขปัญหา คงไม่ใช่ว่า เรามองไม่เห็นปัญหา  เพราะไม่อย่างนั้น คงไม่มานั่งในวันนี้ เรื่องนี้เราให้ความสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจ


และนโยบายของรัฐบาลยังมีอีกมาก ในเรื่องของการทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น แต่ขั้นตอนแรก เราต้องลดค่าใช้จ่ายของประชาชน เชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี


และวันที่ 8 ธ.ค. ก็จะประชุมร่วมกันระหว่างนายอำเภอกับผู้กำกับทั่วประเทศ มีการกำหนดเคพีไอชัดเจน ติดตามผลงานอย่างต่อเนื่อง คงไม่เหมือนสมัยก่อนที่ทำกันมา


ส่วนเรื่องผู้มีอิทธิพล ที่อาจทำให้ประชาชนไม่กล้าเข้ามาไกล่เกลี่ย ทางกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการอยู่แล้วว่า เราไม่ยอมรับผู้มีอิทธิพลนอกระบบ หรือมาเฟีย ก็ต้องบริหารจัดการไป บ้านเมืองมีกฎหมาย อัตราดอกเบี้ยที่คิดไว้ก็ต้องชัดเจน จึงต้องเรียกมาคุยทั้งเจ้าหนี้ และลูกหนี้ ทั้งฝ่ายปกครอง และความมั่นคง

-------------

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล แถลงว่า กระทรวงมหาดไทย น้อมรับข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี โดยจะบูรณาการตั้งแต่ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมั่นใจว่า บุคคลเหล่านี้มีความใกล้ชิดกับประชาชน จึงจะเป็นจุดที่จะบูรณาการความร่วมมือกับตำรวจ และกระทรวงการคลัง เพื่อร่วมแก้ปัญหาคลายทุกข์ให้กับประชาชน


โดยกระทรวงมหาดไทยจะทำงานบริหารเชิงพื้นที่ ด้วยบุคลากรนายอำเภอ กับผู้กำกับสถานีตำรวจ ช่วยเหลือลูกหนี้ ไกล่เกลี่ย ประนีประนอม ปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด ร่วมกันทำอย่างโปร่งใส ให้ความเป็นธรรมตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด


ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย ขอเรียนเชิญประชาชน ที่ประสบปัญหาทั้งถูกข่มขู่ คุกคาม ดูหมิ่น กระทำโดยไม่เป็นธรรม หรือแม้กระทั่งอยากปรับจากหนี้นอกระบบ มาเป็นหนี้ในระบบ มายังศูนย์ดำรงธรรม ทั้งที่อำเภอ และจังหวัด ทุกแห่ง


ส่วนใครที่หวั่นเกรงผู้มีอิทธิพล ตนได้สั่งให้กรมการปกครอง ออกสำรวจ สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

-------------

ด้าน พล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่า ที่ผ่านมา ตำรวจบังคับใช้กฎหมาย จับกุมสืบสวนดำเนินคดี


จากสภาพปัญหา เราเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกทวงหนี้ โดยตำรวจมีสายด่วน 1599 รับแจ้งเหตุ ที่ผ่านมาได้เอกซเรย์พื้นที่ ขึ้นบัญชีผู้ประกอบการนอกระบบ ทั้งระดับ S, M และ L เพื่อบังคับใช้กฎหมาย


ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการจับกุมไปแล้วกว่า 134 ราย เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น เครือข่ายรับจำนำรถยนต์เป็นต้น

-------------

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.กระทรวงการคลัง กล่าวว่า นายกฯได้สั่งการให้กระทรวงการคลังดูแลลูกหนี้นอกระบบ


โดยภายหลังที่ปรับโครงสร้าง หรือไกล่เกลี่ยกันเรียบร้อยแล้ว จะมีธนาคารของรัฐดูแล อย่างธนาคารออมสิน


และเรามีโครงการอยู่แล้วในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งจะให้กู้รายหนึ่งไม่เกิน 50,000 บาท ในระยะเวลา 5 ปี


และอีกส่วน จะเป็นเรื่องของโครงการสินเชื่อสำหรับอาชีพอิสระรายย่อยเพื่อส่งเสริมอาชีพ ซึ่งนี่จะเป็นอีกโครงการหนึ่ง ที่ให้กู้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ระยะเวลาสูงสุด 8 ปี อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามความสามารถของลูกหนี้แต่ละราย


นอกจากนี้ ทาง ธ.ก.ส.ก็มีโครงการเพื่อรองรับ หากใครจะนำที่ดินมาฝากขาย หรือติดจำนองที่เกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ทาง ธ.ก.ส.จะมีวงเงินให้กับเกษตรกรต่อราย 2.5 ล้านบาท ในการแก้ไขเรื่องที่ดินทำกิน


“สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะดำเนินการให้ถูกกฎหมาย เรามีช่องทางให้ขออนุญาตเรื่องพิโกไฟแนนซ์ (pico finance) ซึ่งมีผู้มาขออนุญาตแล้วพันกว่ารายทั่วประเทศ ซึ่งเรามีทุนจดทะเบียนให้ผู้ประกอบการแต่ละราย 5 ล้านบาท” นายกฤษฎากล่าว

-------------
ด้าน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง ปัจจุบัน เป็นผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า


ดอกเบี้ยบัตรเครดิต ยัง 18% ต่อปี

คุณเศรษฐา จะเอาอะไรกับ หนี้นอกระบบ อัตราดอกเบี้ย ต้องไม่เกิน 15% ต่อปี

บังคับให้บัตรเครดิตของทุกธนาคาร คิดดอกเบี้ย 15% ได้ไหม

-------------

เมื่อเปิดดูกฎหมายต่าง ๆ เกี่ยวกับการคิดดอกเบี้ย พบว่า 


กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 กำหนดว่า ผู้ให้กู้เรียกดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 15% ถ้าเกินให้ถือเป็นโมฆะ และให้นำดอกเบี้ยที่จ่ายเกินทั้งหมด นำไปหักกับเงินต้น


ส่วน สถาบันการเงินในการกำกับของ ธปท. เช่น ธนาคารพาณิชย์ // บริษัทบัตรเครดิต // บริษัทสินเชื่อส่วนบุคคล คิดดอกเบี้ยเงินกู้ได้เกินร้อยละ 15 ต่อปี แต่ไม่เกินร้อยละ 19 ต่อปี
-------------




รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/zxmbAp4sjUA






แท็กที่เกี่ยวข้อง  หนี้นอกระบบ ,เศรษฐา ทวีสิน ,อนุทิน ชาญวีรกูล ,กฤษฎา จีนะวิจารณะ ,กระทรวงการคลัง ,กระทรวงมหาดไทย ,กรมการปกครอง ,ธ.ก.ส. ,สมชัย ศรีสุทธิยากร ,ดอกเบี้ยบัตรเครดิต ,ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ,สินเชื่อส่วนบุคคล ,หนี้ในระบบ ,พล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ ,การค้าทาสยุคใหม่ ,แก้หนี้แบบครบวงจร ,กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654

คุณอาจสนใจ

Related News