เศรษฐกิจ

เลื่อนถกเงินดิจิทัล ‘จุลพันธ์’ แจงรายละเอียดยังไม่ชัด – ‘จุรินทร์’ ซัดนโยบายสำคัญ แต่ไร้ความชัดเจน

20 ต.ค. 2566

66 views

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เลื่อนประชุมคณะอนุกรรมการฯ เคาะข้อสรุป แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ออกไปเป็น 24 ต.ค. นี้ ยังหาแหล่งเงินไม่ได้ และไร้ข้อสรุปกลุ่มเป้าหมาย


วานนี้ (19 ต.ค.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต เปิดเผยว่า ได้เลื่อนการประชุมอนุกรรมการออกไป จากเดิมที่จะประชุมหาข้อสรุปรายละเอียดต่างๆ เมื่อวันที่ 19 ต.ค. เนื่องจากยังมีหลายประเด็นที่คณะทำงานยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เช่น เรื่องแหล่งเงิน เรื่องการกำหนดกรอบกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น


ทั้งนี้คาดว่าจะนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 24 ต.ค. ส่วนคณะกรรมการชุดใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธาน จะยังไม่มีการประชุมจนกว่าคณะอนุกรรมการจะได้ข้อสรุปแล้วเสนอไป "เราต้องเสร็จก่อน เราต้องพร้อม แล้วเราจะแจ้งชุดใหญ่ ว่าเราพร้อมจะนำเสนอ ถึงจะมีการประชุมชุดใหญ่ ถ้าวันที่ 24 ต.ค. จบ เราก็จะทำข้อสรุปเสนอชุดใหญ่ทันที


นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นเรื่องการกำหนดกลุ่มเป้าหมายยังมีการมองแตกต่างกันพอสมควร โดยรัฐบาลมองนโยบายนี้เป็นกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งต้องมีเม็ดเงินที่มากเพียงพอเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นกลับขึ้นมาอยู่ในระดับที่เต็มศักยภาพของประเทศไทย ขณะเดียวกันการจะจ่ายเป็นเฟสๆ ไปหรือไม่ ก็ยังต้องพิจารณา ส่วนเรื่องแหล่งเงินก็มีข้อเสนอเป็นตัวเลือกมา ซึ่งจะต้องพิจารณาเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุด เป็นประโยชน์สูงสุด


ก็ต้องดู คำว่ารวย คือรวยเท่าไหร่ บางส่วนงานบอกรายได้ 20,000 บาทก็รวยแล้ว เราก็บอกว่า คนชั้นกลางเองก็ลำบากมานาน ไม่ใช่เฉพาะคนที่เปราะบาง เงินตัวนี้จะสามารถไปต่อยอดการประกอบอาชีพได้ ตรงนี้ก็เป็นความคิดเห็นที่ยังแตกต่าง และต้องหาข้อสรุปในอนุกรรมการ เพื่อเสนอต่อไป


ทั้งนี้ ยอมรับว่ามาตรการที่จะออกมา อาจจะแตกต่างไปจากตอนหาเสียงไว้บ้าง เนื่องจากตอนนี้รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม ก็ต้องหาจุดร่วมที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี ยังตั้งเป้าที่จะเริ่มการเติมเงิน 10,000 บาท ให้ได้ในวันที่ 1 ก.ย. 2567 โดยจะพยายามทำตามเป้าที่ตั้งไว้ แต่สุดท้ายแล้ว หากไม่ทันจริงๆ จำเป็นต้องเลื่อน เพราะมีข้อจำกัด ที่ต้องทำระบบต่างๆ ให้เกิดความมั่นใจ อาทิ ระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ ก็คงต้องเลื่อน และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีก็คงไม่ติดใจ หากเลื่อนด้วยเหตุผลที่จำเป็น


เช่น แอปพลิเคชั่นต้องใช้เวลาพัฒนา หรือเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ความมั่นคงของระบบ ซึ่งเรื่องเหล่านี้แลกกับเวลาไม่ได้ ทั้งนี้การใช้ระบบบล็อกเชนก็จะทำให้การติดตามตรวจสอบเรื่องการทุจริต การโกงทำได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี หากมีการโกงเกิดขึ้น ก็จะมีกระบวนการดำเนินคดีด้วย ตอนนี้ยังไม่ได้หมายความว่าจะเลื่อน แต่ไตรมาสแรกจะพยายามทำให้ได้


นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับที่มีข้อกังวลว่าโครงการนี้จะซ้ำรอบโครงการจำนำข้าว นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ซ้ำรอยแน่นอน โดยตนเองมั่นใจว่า นโยบายนี้ไม่มีเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะในระดับนโยบาย โดยได้เน้นย้ำเรื่องปฏิบัติตามกฎหมาย และ มีกลไกการตรวจสอบ

-----------------------------------------------

กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ เชิญ คลัง-ธปท.-ปปช.แจงนโยบายเงินดิจิทัล เผย รอความชัดเจน นโนบายเงินดิจิทัลจากรัฐบาล ไม่อยากวิจารณ์-ประเมินไปก่อน หวังรัฐบาลฟังเสียงท้วงติง ปัดขยายประเด็นความเห็น 'แบงค์ชาติ' มองนโยบายไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย


วานนี้ (19 ต.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร มีวาระสำคัญในการพิจารณานโยบายของรัฐบาลว่าด้วย ดิจิทัลวอลเล็ต โดยได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ผู้ว่าการ ธปท. และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มาให้ข้อมูลต่อนโยบายดังกล่าว ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ เป็นผู้เสนอ


โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ผู้แทนของกระทรวงการคลังเป็นผู้ชี้แจง, ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มอบหมายให้นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงิน และคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย มาเป็นผู้ชี้แจง และสำนักงานเลขาธิการ ป.ป.ช.มอบหมายให้ คณะทำงานติดตามนโยบายพรรคการเมือง เป็นผู้ชี้แจ้ง


ทั้งนี้ กรรมาธิการฯ ส่วนใหญ่ได้มีการซักถามผู้ชี้แจง ถึงอัตราความเติบโตเศรษฐกิจของไทย และผลกระทบต่อประเทศ หากรัฐบาลจะตัดสินใจดำเนินการนโยบายดังกล่าว


โดยในช่วงต้นของการพิจารณา น.ส.ดารณี กล่าวย้ำว่า โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต จะใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท โดยผู้ที่มีสิทธิจะต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินจำนวน 1 หมื่นบาท ซึ่งรัฐบาลต้องการกระตุ้นอุปโภคบริโภคของประชาชน แต่มุมมองของ ธปท.เห็นว่า ตัวเลขเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกที่เกี่ยวกับการบริโภคภาคเอกชน มองว่าความจำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรวมผ่านโครงการนี้ยังมีไม่มาก เนื่องจากภาพรวมการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้สูง และตลาดแรงงานก็ฟื้นตัวต่อเนื่อง ดังนั้น ผลของโครงการต่อเศรษฐกิจ อาจจะไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย


ขณะที่นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยหลังการประชุม ว่า ขณะนี้ยังรอความชัดเจนของนโยบาย ซึ่งผู้แทนจากกระทรวงการคลังยังไม่สามารถให้รายละเอียดที่ชัดเจน แต่ยังให้โอกาสรัฐบาลในการทำนโยบาย และเชื่อว่า รัฐบาลพยายามฟังเสียงรอบด้าน ทั้งข้อเสนอแนะและข้อทักท้วง ซึ่งจะเป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้รัฐบาลออกแบบนโยบายได้ดี และไม่ทำให้เกิดผลเสีย หรือเกิดผลเสียให้น้อยที่สุด


“อยากให้รัฐบาลคำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน ข้อดี ข้อเสียของนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแหล่งที่มาของงบประมาณ การนำไปใช้ วิธีการ ผลกระทบระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งทางกระทรวงการคลังชี้แจงว่า ยังอยู่ในระหว่างการหารือการตั้งคณะกรรมการ คณะทำงานในเรื่องต่างๆ ซึ่งเร่งทำอยู่ วันนี้ทางกระทรวงการคลังไม่ได้ชี้แจงเรื่องแหล่งที่มาของเงิน บอกแต่เพียงว่ากรอบงบประมาณที่ใช้จะคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง โดยไม่ได้บอกว่าจะมีการนำแหล่งเงินจากการยืมจากรัฐวิสาหกิจหรือไม่ ซึ่ง กมธ.จะมีการติดตามความคืบหน้าของโครงการการนี้ต่อไป” นายสิทธิพลกล่าว

--------------------------------------------------

'จุรินทร์' เผย กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ เตรียมซักตัวแทน 'คลัง-ธปท.-ป.ป.ช.' นโยบายเงินดิจิทัล เอาเงินจากไหน-ทำอย่างไร แขวะนโยบายสำคัญแต่เพิ่งมานับหนึ่งหลังเป็นรัฐบาล จนป่านนี้ยังไร้ความชัดเจน


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการที่เสนอญัตติให้พิจารณานโนบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า  นโยบายนี้เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายตั้งคำถาม การจะทำนโยบายก็เป็นสิทธิ์ของรัฐบาล แต่เมื่อทำแล้วต้องมีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดความเสียหายขึ้นกับประเทศและส่วนรวม แล้วตนเองได้เสนอให้คณะกรรมการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เท่าที่รับทราบจะมีตัวแทนจากกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)


นายจุรินทร์ เผยว่า ส่วนตัวจะตั้งคำถามแทนประชาชนอย่างน้อย 2 เรื่อง คือ รัฐบาลจะดำเนินนโยยายเงินดิจิทัลอย่างไร จะเอาเงินจากไหน และจะทำอย่างไร โดยไม่กู้ เป็นคำถามที่เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศอยากได้คำตอบ จนวันนี้ยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาล ยังคลุมเครือ ไม่มีความชัดเจน มีเพียงได้ติดตามแนวโน้มจากข่าว ไม่มีคำยืนยันจากผู้มีหน้าที่กำหนดนโยบายและลงมือปฏิบัติ วันนี้ก็หวังว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน


ส่วนความกังวลว่า การแจกเงินเป็น Token อาจเอื้อประโยชน์ให้ผู้ทำธุรกิจด้านดิจิทัล และมีฟอกเอาเงินดำไปแปลงเป็นเงินขาวหรือไม่นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนเองจะไม่ด่วนวิจารณ์ เพราะยังไม่เกิดความชัดเจน แต่เป็นสิทธิของผู้ที่มีความรู้ และสิทธิของคนไทยที่จะตั้งข้อสังเกตและติดตามได้ เพราะเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ และเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องรับฟัง สิ่งที่กังวลที่สุดคือความไม่ชัดเจนตั้งแต่ต้น ถ้าเป็นนโยบายสำคัญก็ต้องชัดเจนตั้งแต่วันหาเสียงแล้ว


"นี่กลายเป็นว่ามาเริ่มต้นนับหนึ่งกันหลังจากเป็นรัฐบาลแล้ว แต่จนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่นับ 1.1 ผมก็หวังว่าวันหนึ่งก็จะชัดเจน แต่แน่นอนว่าต้องชัดเจนสักวัน ระหว่างทางอย่าไปตำหนิคนตั้งคำถาม ตั้งข้อสังเกต อย่าไปตำหนิประชาชนเพราะเขามีสิทธิ์รับรู้ เนื่องจากไปเอาเงินของเขามาใช้มาแจก เจ้าของเงินก็ย่อมมีสิทธิ์จะรับรู้ได้"

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/_qH1woLstMA


คุณอาจสนใจ

Related News