สงครามตะวันออกกลางดัน ราคาน้ำมันโลกพุ่งขึ้นเกือบ 6%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ปรับเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 6% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุด นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เหตุนักลงทุนกังวลสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางอาจขยายวงกว้างเพราะอิสราเอลกำลังบุกโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซาและอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน


สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน พุ่งขึ้น 4.78 ดอลลาร์ หรือ 5.8% ปิดที่ 87.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และปรับตัวขึ้น 5.9% ในรอบสัปดาห์นี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) งวดส่งมอบเดือนธันวาคม พุ่งขึ้น 4.89 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 90.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และปรับตัวขึ้น 7.5% ในรอบสัปดาห์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์


สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท และน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์รายวันมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน เนื่องจากนักลงทุนกังวลสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งล่าสุด อิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีภาคพื้นดินใส่ฉนวนกาซาแล้ว และหวั่นว่าสงครามจะขยายวงกว้างขึ้น จนส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของประเทศในตะวันออกกลาง


นายจาวาด อูซี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่านเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ราคาน้ำมันอาจจะสูงถึง 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันเนื่องมาจากสถานการณ์ปัจจุบันในตะวันออกกลาง-นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้น หลังจากสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งแรกกับเจ้าของเรือบรรทุกน้ำมันที่บรรทุกน้ำมันของรัสเซียที่มีราคาสูงกว่าราคาของกลุ่ม G7 ที่ระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นความพยายามที่จะปิดช่องโหว่ในกลไกที่ออกแบบมาเพื่อลงโทษรัสเซียที่บุกโจมตียูเครน