ธปท.เกาะติดนโยบายรัฐ มองมาตรการแจกเงินมีผลไม่เท่ารัฐลงทุนโดยตรง

ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 2.25% เป็น 2.50% ต่อปี และให้มีผลทันที ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว


โดย กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวม ฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้จะชะลอลงบ้างจากการส่งออก และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด แต่จะเร่งสูงขึ้นในปี 67 โดยแบงก์ชาติยังไม่นำโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท มาเป็นฐานคำนวณGDP เพราะยังมีความไม่ชัดเจน แต่หากรัฐบาลเดินหน้าผลักดันโครงการ อาจทำให้GDP ในปี 67 ขยายตัวมากกว่า 4%


อย่างไรก็ดี กนง.จะติดตามแรงส่งเพิ่มเติมจากนโยบายภาครัฐต่อเศรษฐกิจ โดยมองว่านโยบายประเภทเงินโอน หรือการแจกเงินให้ประชาชน อาจสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ และประเมินว่าตัวคูณทางการคลัง (fiscal multiplier) ของโครงการแจกเงินให้ประชาชน มักต่ำกว่าการใช้จ่าย หรือการลงทุนภาครัฐโดยตรง จากผลการศึกษาในหลายประเทศ รวมทั้งไทย


พร้อมเห็นว่า หากการก่อหนี้ของภาครัฐเป็นไปเพื่อเพิ่มศักยภาพของเศรษฐกิจในระยะยาว เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หรือการยกระดับทักษะแรงงาน อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูงขึ้น จะช่วยเสริมความยั่งยืนของระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP