นายกสมาคมชาวสวนยางฯ เตรียมขอเข้าพบ “เศรษฐา” วอนแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ เตรียมประสานขอเข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาแนวทางช่วยเหลือกรณีราคายางตกต่ำต่อเนื่อง ทั้งเรื่องต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับสูง ,การขอให้พิจารณาทบทวนการจัดเก็บภาษีที่ดินในส่วนของการปลูกยาง รวมถึงปัญหาการถูกกดราคาจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป


โดยเตรียมเสนอให้รัฐบาลพิจารณาใช้เงินกองทุน กยท. มาช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางลดต้นทุนการเพาะปลูก โดยอุดหนุนค่าซื้อปุ๋ย ซื้อยา ให้เกษตรกรโดยตรง ไม่ผ่านการยางฯ ,ไม่ผ่านนายหน้า นายทุนเพื่อลดค่าหัวคิว เพื่อให้เกษตกรสามารถจัดการซื้อปุ๋ยได้เองอย่างรวดเร็วและทันต่อการเพาะปลูก โดยแต่ละปีเกษตรกรจะต้องใช้เงินซื้อปุ๋ยเฉลี่ยปีละ 100,000 ตัน


พร้อมกันนี้จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนการคิดอัตราจ่ายภาษีที่ดินขั้นตํ่า ในส่วนของการปลูกยาง จากอัตราขั้นตํ่า 80 ต้นต่อไร่ เป็น 25 ต้นต่อไร่ ซึ่งตามประกาศหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินในการประกอบเกษตรกรรม ในบัญชีแนบท้ายประกาศ กำหนดชนิดพืช "ยางพารา" มีอัตราขั้นตํ่าของการประกอบการเกษตรต่อไร่ไว้ 80 ต้นต่อไร่ จะเสียภาษีในอัตราไม่เกินร้อยละ 0.15 ของฐานภาษี (อัตราตํ่าสุด)


แต่ในข้อเท็จจริง เกษตรกรชาวสวนยางพาราส่วนใหญ่ มีการปลูกยางต่ำกว่า 80 ต้นต่อไร่ ทำให้ต้องแบกภาษีที่ร้อยละ 1.25 ซึ่งเป็นการซ้ำเติมต้นทุนให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ EEC (ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา) ที่คิดภาษีที่ดินตามราคาประเมิน ทำให้เกษตรกรแต่ละรายต้องเสียภาษีไร่ละ 4,000-5,000 บาท ซ้ำเติมเกษตรกรในช่วงเวลาที่ราคายางตกต่ำ


ซึ่งเรื่องดังกล่าว เตรียมเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณาเร่งด่วน โดยกำหนดกรอบเวลา ให้รัฐบาลเร่งพิจารณาภายใน 30 วัน หลังจากที่สมาคมฯ เข้ายื่นหนังสือ ซึ่งหากรัฐบาลไม่พิจารณา ก็จะเข้าสู่กระบวนการยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เป็นลำดับถัดไป


นอกจากนี้ ยังเตรียมเสนอมาตรการดูแลราคายางทั้ง การเสนอให้เปลี่ยนพันธุ์ยางพาราให้เกษตรกรทั้งประเทศเพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำยาง, พิจารณาให้เกษตรกรสามารถนำยาเร่งน้ำยางมาใช้สำหรับต้นยางที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เพื่อให้ปริมาณน้ำยางออกมามากขึ้น


ส่วนเรื่องยางพาราไทยถูกกดราคา เนื่องจากไม่สามารถระบุพื้นที่เพาะปลูกได้ว่าอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ ทางสมาคมฯ เคยเสนอไปแล้วให้มีการเปิดพื้นที่ป่าสงวนให้เกษตรกรเช่าอย่างถูกต้อง และเร่งประชาสัมพันธ์คุณภาพยางพาราไทยที่ปลอดสารปนเปื้อน แต่รัฐบาลไม่สนใจ ซึ่งเรื่องนี้จะนำเข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทันทีที่ได้รับการอนุญาตให้เข้าพบได้