เศรษฐกิจ

จากนี้ไม่ได้ทุกคน! เปลี่ยนเกณฑ์จ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ ต้องไม่มีรายได้พอยังชีพ บังคับใช้แล้วตั้งแต่ 12 ส.ค.66

โดย nattachat_c

14 ส.ค. 2566

4.8K views

หลังจากที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2566 เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาซึ่งเกณฑ์ใหม่ได้เพิ่มเงื่อนไขว่า ผู้สูงอายุที่จะได้รับเบี้ยยังชีพจะต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ โดยระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมานั้น 


จากเดิม คุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพ คือ

ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทน อย่างอื่นที่รัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้เป็นประจำ ไม่รวมถึง ผู้พิการหรือผู้ป่วยเอดส์


ฉบับใหม่จะเป็น เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด


รวมทั้งมีบทเฉพาะกาล ข้อ 17 ระบุว่าบรรดาผู้สูงอายุที่ได้ขึ้นทะเบียนและรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ยังมีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นต่อไป
------------

วานนี้ (13 ส.ค. 66) โซเชียลได้แห่แชร์ระเบียบดังกล่าว โดยแคปเฉพาะท่อนคุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพ พร้อมเขียนข้อความระบุว่า


“โหเพิ่งรู้ เบี้ยผู้สูงอายุไม่ได้ทุกคนแล้ว กลายเป็นว่าให้เฉพาะ “คนจน” ที่อาจจะต้องมีการพิสูจน์สิทธิ์กันอีก ประกาศใช้ 2 วันที่แล้ว ก็รอดูนะครับ ว่า #รัฐบาลเพื่อไทย จะจัดการอะไรกับเรื่องนี้มั้ย”


ขณะที่ชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการตัดงบส่วนนี้


อาทิ เขาเสียภาษีตลอด พอเข้าสู่วัยผู้สูงวัยไม่จ่ายเขายังงี้เหรอ ไม่แฟร์, ตัดงบปชช. แต่งบตัวเองไม่แตะ, เงียบมากข่าวนี้, ตัดงบที่เกี่ยวกับปชช.โดยตรงด้วยนะ ฝากความหวังไว้ที่พรรคเพื่อไทยขอให้ช่วยแก้ไข ฯลฯ

----------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/feGRB3aZQA8


คุณอาจสนใจ

Related News