เศรษฐกิจ

เอกชนมอง ค่าไฟ 4.77 บาทสูงเกินไป ชี้ควรคำนวณจากฐาน มี.ค. ซัดคนไทยต้องจ่ายแพง แต่โรงไฟฟ้าต่างมีกำไร

โดย passamon_a

27 มี.ค. 2566

101 views

เมื่อวันที่ 26 มี.ค.66 นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เคาะอัตราค่าไฟงวด พฤษภาคม-สิงหาคม 2566 อัตรา 4.77 บาทต่อหน่วย เป็นอัตราเดียวทั้งครัวเรือนและเอกชน มีผลวันที่ 1 พฤษภาคม ว่า


ค่าไฟอัตราดังกล่าวถือว่าสูงเกินไป เอกชนมีคำถาม ทั้งที่สามารถลงได้เหลือระดับ 4.72 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นระดับที่ประชาชนจ่ายอยู่ในงวดเดือน มกราคม-เมษายน 2566 ทั้งนี้สาเหตุที่ค่าไฟยังสูงมาจากสมมติฐานการคำนวณค่าไฟฟ้าของ กกพ. ที่ไม่ตอบโจทย์ ไม่ควรใช้ช่วงเดือนมกราคม 2566 แต่ควรใช้ช่วงเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งราคาพลังงานลดลงมากที่สุดเทียบกัน โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ตลาดจร เพียง 13 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ขณะที่ กกพ.ใช้ราคาเดือนมกราคม 2566 ซึ่งอยู่ที่ 20 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู หากคำนวณจากฐานเดือนมีนาคม 2566 ค่าไฟจะอยู่ที่ 4.40 บาทเท่านั้น


"ค่าไฟฟ้างวดเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม เป็นช่วงต้นทุนพลังงานของโลกต่ำลง รวมค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากการชะลอขึ้นของดอกเบี้ยของสหรัฐฯ แต่ภาครัฐกลับเลือกใช้สมมติฐานตัวเลขของเดือนมกราคม 2566 ที่ไม่อัพเดตกับภาวะขาลง ทำให้คนไทยต้องรับตัวเลขค่าไฟฟ้าที่สูงเกินจริง อยากถามว่าทำเพื่ออะไร ใครได้ประโยชน์ นอกจากนี้อยากให้ปรับวิธีการคำนวณต่องวดเหลือ 2 เดือน เพื่อให้ต้นทุนค่าไฟแม่นยำมากขึ้น"


ล่าสุดรัฐบาลช่วงปลายเทอม ยังเร่งรัดให้มีการรับซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชนเพิ่ม ทั้งไฟฟ้าสีเขียว จำนวน 5,203 เมกะวัตต์ และส่วนเพิ่ม 3,668 เมกะวัตต์ แบบเร่งรีบ ทั้งที่กำลังมีเอกชนหลายรายยื่นฟ้องขอการคุ้มครองจากศาลปกครองเนื่องจากกระบวนการคัดเลือกที่น่ากังขา นอกจากนี้ยังเพิ่มโครงการไฟฟ้าพลังน้ำจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ประเทศไทยยังมีการผลิตของโรงไฟฟ้ามากกว่าความต้องการกว่า 50%


อีกประเด็นคือปัญหาเชิงโครงสร้างและนโยบาย ปัจจุบันกลับไม่มีใครพูดถึงทางออกใด ทั้งที่มีปัญหาต้นทุนสูงของค่าไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น ค่าพร้อมจ่าย ต้นทุนแฝงอื่น ๆ จากภาวะสำรองไฟฟ้าล้นกว่า 50% นอกจากนี้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยังเหลือเพียง 30% ขณะที่สัดส่วนของเอกชน รวมการนำเข้าสูงถึง 70% นอกจากนี้การจัดสรรก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจี) ในอ่าวไทยและอื่น ๆ ซึ่งถือเป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศ ควรเหมาะสม เป็นธรรม ระหว่างภาคปิโตรเคมีกับไฟฟ้า รวมทั้งควรมีการแข่งขันเสรีในระบบโลจิสติกส์ของไฟฟ้าและเอ็นจีเพื่อลดการผูกขาด


ปัจจุบันผลประโยชน์เรื่องค่าไฟฟ้า สามารถสรุปได้ว่าประชาชนคนไทยต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพง ขณะที่โรงไฟฟ้าเอกชนหลายรายต่างมีผลประกอบการที่มีกำไร และเติบโตกันถ้วนหน้าท่ามกลางสถานการณ์ กฟผ. รัฐวิสาหกิจหลักในการดูแลไฟฟ้าของประเทศ เหลือสัดส่วนเพียง 30% และแบกภาระหนี้ร่วม 1 แสนล้านบาท จากการอุ้มกลุ่มเปราะบางตามนโยบายรัฐบาล เวลานี้จึงอยากฝากการบ้านถึงทีมบริหารเศรษฐกิจที่เก่ง ๆ ของแต่ละพรรคการเมืองให้ช่วยหาทางออกให้ประชาชนคนไทยด้วย


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/EDJQTea68w0

คุณอาจสนใจ