เศรษฐกิจ

โตโยต้า เคารพคำสั่งศาล แพ้คดี 'พรีอุส' ต้องเสียภาษี 1 หมื่นล้าน ใน 1 เดือน

โดย nattachat_c

16 ก.ย. 2565

60 views

เวลา13.46 น. วานนี้ (15 ก.ย. 65) ที่ศาลภาษีอากรกลาง ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร อ่านคำพิพากษา ศาลฎีกา โดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียง ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไปยังศาลภาษีอากรกลาง คดีที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมศุลกากร และกรมสรรพากร เป็นจำเลยที่ 1-2 รวม 10 คดี คิดเป็นทุนทรัพย์รวม 1 หมื่นล้านบาทเศษ


คดีทั้ง 10 เรื่องโจทก์ ฟ้องว่า ระหว่างปี 2553-2555 โจทก์นำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อนำมาผลิตรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส โดยอาศัยสิทธิตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 และมาตรา 14 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 และตามความตกลง ระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (JTEPA) โจทก์จึงขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองให้การว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว


ศาลภาษีอากรกลาง พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง


โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา


ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร เห็นว่า ชิ้นส่วนรถยนต์ที่โจทก์นำเข้าเมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้ว มีลักษณะอันเป็นสาระสำคัญของรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส และสามารถนำไปประกอบเป็นรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส ได้ทันที จึงต้องจำแนกนำเข้าประเภทพิกัดของชิ้นส่วนที่สมบูรณ์หรือสำเร็จแล้ว ที่นำเข้ามา โดยถอดแยกออกจากกันหรือยังไม่ได้ประกอบเข้าด้วยกันในฐานะที่เป็นชิ้นส่วนครบชุดสมบูรณ์ ประเภท พิกัด 8703.23.43 หรือ 4703.23.51 (ตามช่วงเวลาที่นำเข้า) ตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากร ข้อ 1, 2 (ก) และข้อ 6 ในภาค 1 ท้ายพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530


จึงไม่ได้รับยกเว้นอากรและลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลังที่ออกมาเพื่อให้เป็นไปตามความตกลง JTEPA และไม่ได้รับสิทธิยกเว้นอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากร และยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 (ฉบับที่ 18) ลงวันที่ 13 ต.ค.2553 ทั้งไม่ได้รับสิทธิลดอัตราอากรในอัตราอากรขาเข้าร้อยละ 30 ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ให้คิดอัตรา อากรขาเข้าร้อยละ 80 ชอบแล้ว ส่วนประเด็นอื่นศาลไม่รับวินิจฉัย พิพากษายืน
--------------

วานนี้ (15 ก.ย.) นายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรณีที่ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้แพ้คดีต่อกรมศุลกากร โดยบริษัทต้องชำระค่าภาษีอากรต่อกรมศุลกากรรวม 1 หมื่นล้านบาท ภายใน 1 เดือน หลังจากวันที่มีคำพิพากษา


“เมื่อศาลสั่งแล้ว บริษัทต้องชำระภาษีอากรที่ขาดไปภายใน 30 วัน หลังได้รับคำสั่งศาล โดยบริษัทไม่สามารถอุทธรณ์ได้อีกแล้ว เพราะคำสั่งศาลดังกล่าวถือเป็นที่สิ้นสุด และทางกรมศุลฯก็ไม่ต้องทำหนังสือไปยังบริษัทด้วย สำหรับเม็ดเงินภาษีที่ต้องชำระนั้นประมาณ 1 หมื่นล้านบาท” นายชัยยุทธกล่าว


นายชัยยุทธกล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะบริษัทเสียภาษีไม่ครบถ้วน โดยบริษัทสำแดงการนำเข้าสินค้าในลักษณะชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งจะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีตามความตกลงระหว่างไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (JTEPA) และอาศัยสิทธิตามประกาศกระทรวงการคลังเรื่องการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 และ 14 แห่ง พระราขกำหนด (พ.ร.ก.) พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 แต่กรมศุลฯเห็นว่าการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ดังกล่าวนั้น เป็นการนำเข้ามาเพื่อประกอบรถยนต์ได้ทันทีทั้งคัน จึงไม่ควรได้รับการยกเว้นอากร และลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลังที่ออกมา จึงต้องเสียภาษีในอัตรา 80% ไม่ใช่ 30% ตามที่บริษัทได้ชำระไว้

-------------

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย แถลงการณ์เกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลฎีกา อ่านคำพิพากษาคดีพรีอุส ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับการตีความอัตราอากรขาเข้าสำหรับชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุส


"บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ("บริษัทฯ") ขอแสดงความเคารพต่อคำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ ทั้งนี้ คดีดังกล่าวนี้มีประเด็นเกี่ยวกับการตีความข้อกฎหมาย ซึ่งยังไม่เคยมีการวินิจฉัยมาก่อน และเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์และข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น กล่าวคือ บริษัทฯ ได้ใช้สิทธิประโยชน์ตามอนุสัญญาระหว่างสองประเทศ ที่เรียกว่าความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) เพื่อลดอัตราอากรขาเข้าในการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุส ซึ่งในปี 2553 หน่วยงานราชการของไทยที่เกี่ยวข้องได้อนุมัติการใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จึงมีความเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าดังกล่าวอย่างถูกต้องมาโดยตลอด


อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2555 กรมศุลกากรได้ตีความกฎการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุสในแนวทางซึ่งแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีภาระภาษีและอากรขาเข้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก คำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ได้ตีความในแนวทางเดียวกันกับการตีความของกรมศุลกากร


ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ได้รับสำเนาคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้ว บริษัทฯ จะศึกษารายละเอียดของคำพิพากษา และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ต่อไป


บริษัทฯ ขอยืนยันว่า บริษัทฯ ยึดมั่นที่จะประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยและพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อให้ลูกค้าในประเทศไทยได้รับความพึงพอใจสูงสุด และเพื่อส่งเสริมพันธกิจขององค์กรในการขับเคลื่อนความสุขสู่สังคมไทย"
---------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/aJ_isTnZzis

คุณอาจสนใจ

Related News