'สุพัฒนพงษ์' วอน ปชช.ประหยัดพลังงานช่วยชาติ ชี้ไม่เคยมีรัฐบาลไหนเจอ ทั้งโควิด ทั้งสงคราม

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ได้เตรียมการให้รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแถลงผลการทำงานในช่วงกลางเดือน พ.ค. ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ประชาชนรับทราบว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง

ซึ่งสถานการณ์เศรษฐกิจในตอนนี้ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะเจอทั้งปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วมาเจอปัญหาสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอีก ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่เจอแบบนี้

สำหรับ 10 มาตรการที่รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น หากเกิดเหตุการณ์ไปมากกว่านี้ ก็มีมาตรการเพิ่มได้ ต้องติดตามสถานการณ์โลกให้ดี เราไม่ประมาท วิกฤติเงินเฟ้อ ข้าวของแพง จะแก้ได้ ประชาชนต้องช่วยกันประหยัดพลังงานด้วย ขอให้ได้คนละ 10% ขณะที่รัฐบาลก็เข้าไปช่วยกลุ่มเปราะบาง

ในส่วนของผู้ประกอบการต้องไม่ลืมว่ามีหน้าที่ต้องประหยัดด้วย ขอให้ลดต้นทุนการผลิต และอย่าส่งต้นทุนที่สูงขึ้นให้ประชาชน นั่นคือหน้าที่ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) ที่ต้องมีส่วนช่วยเหลือ เพราะเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นจากภายนอก แต่ก็เชื่อว่าทั้ง สอท.และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย ลดการพึ่งพาวัตถุดิบต่างประเทศ เพื่อตรึงราคาสินค้าให้มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด

สถานการณ์ตอนนี้ไม่ปกติ ต้องรับฟังทุกฝ่าย วันนี้ไม่มีใครเก่งกว่าใคร เคยเจอที่ไหน เป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติ มีเรื่องแพร่ระบาดโควิด-19 มีเรื่องราคาน้ำมันสูงขึ้นที่เกิดจากความขัดแย้งของมหาอำนาจจนทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้น มีที่ไหนที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ เกิดขึ้นพร้อมกัน ทุกประเทศทั่วโลกเจอกันหมด ทุกคนทั่วโลกก็ขุ่นเคืองกันหมด

ทุกรัฐบาลก็อยากให้ประชาชนกลับมาผาสุกเหมือนก่อนโควิด สิ่งหนึ่งที่จะบอกได้คือ ต้องลดการพึ่งพาการนำเข้า หาใช้สินค้าในประเทศทดแทนมากขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ต้องช่วยกันประหยัดพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า 10% ก็ทำให้ประเทศไทยประหยัดเงินตรา ทำให้เรามีเงินในกระเป๋ามากขึ้น

สำหรับตัวเลขเงินเฟ้อในปีนี้ ตนยังเชื่อตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศออกมาว่าเฉลี่ยทั้งปีที่ 3-5% ส่วนที่ราคาสินค้าเพิ่มสูงมากจนจะดันเงินเฟ้อ ขึ้นไป 4-5% หรือมีคนที่มองว่าอาจจะสูงกว่านี้ ขอให้ดูอัตราที่เฉลี่ย และให้ไปอ่านรายงานของ ธปท. ให้ไปดูคนทำงานหน้างานจริงๆ คนที่เป็นห่วงเป็นใย มีเข้าใจหรือไม่ วิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงไป อะไรที่ต้องทำก็ทำ อะไรที่ไม่เชื่อมั่นไม่เกิดก็ไม่เกิด อย่างเรื่อง Stagflation หรือเศรษฐกิจถดถอยไปพร้อมๆ กับเงินเฟ้อสูง ธปท.ก็ว่าจะไม่เกิดขึ้น

ในยามวิกฤติทุกประเทศเจอแบบเดียวกันหมด เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติ หากอยากกลับไปอยู่สถานการณ์ปกติก็เป็นความหวังของทุกคน รัฐบาลก็หวังให้ประชาชนได้กลับไปสู่ปกติ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็เนิ่นนานพอสมควรทุกคนก็รู้สึกได้ เราต้องยอมรับความเป็นจริงว่าวันนี้เป็นเหตุการณ์วิกฤติที่หลายๆ แบบเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กันและเกิดขึ้นทั่วโลก

ส่วนกรณีที่นายเกรียงไกร รองประธาน สอท.ขอให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าผันแปรหรือค่าเอฟทีกับประชาชนที่ใช้ไฟมากกว่าเดือนละ 300 หน่วย ตนก็เห็นแต่ในข่าว ต้องไปถามท่านอีกที แต่ที่เราประเมินไว้ 300 หน่วยน่าจะเพียงพอแล้ว

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/d-TcTs1chrw