เศรษฐกิจ

‘จุลพันธ์’ ยอมรับ มีคนใช้เงินหมื่นผิดวัตถุประสงค์ ทั้งซื้อเหล้า - เล่นหวย แต่นับเป็นส่วนน้อย

โดย nattachat_c

1 ต.ค. 2567

53 views

'จุลพันธ์' เผย โอนเงินหมื่นเฟสแรกเหลือ 3 แสนกว่าราย ติดปัญหาบัญชี-บัตรหมดอายุ รับ ใช้ผิดวัตถุประสงค์บ้างแต่ส่วนน้อย ยังไม่สรุปเฟส 2 คาดออกช่วงโลว์ซีซั่น หวังกระตุ้นท่องเที่ยว บอกไม่ยึดศักดิ์ศรี หลังลือสะพัด ดึง งคนละครึ่ง-เที่ยวด้วยกันง กลับมา


วันนี้ นายจุลพัลธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการ โอนเงิน 10,000 บาท ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะแรก ซึ่งในกลุ่มผู้พิการ ยังมีรายที่ค้างอยู่จำนวน 8,829 ราย ซึ่งส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องบัตร และมีบางส่วนสิทธิ์ซ้ำกับกลุ่มเปราะบาง ประมาณ 93,000 ราย


ส่วนกลุ่มเปราะบาง ยังเหลืออีก 372,458 ราย ซึ่งมีปัญหาเรื่องบัญชีไม่เดิน และยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ ซึ่งในกลุ่มนี้หากมีการเช็กสิทธิ์แล้วแต่ยังไม่ได้เงิน ต้องไปประสานกับธนาคาร และไปดำเนินการผูกพร้อมเพย์กับหมายเลขบัตรประชาชนให้เรียบร้อย โดยทางกระทรวงการคลังจะมีการโอนเงินซ้ำอีก 3 ครั้ง ตามรอบ


นายจุลพันธ์ ยังชี้แจงถึงกรณีที่มีการโอนเงินเข้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ให้กับประชาชนผู้มีสิทธิ์แต่ถูกหักหนี้จากบัญชีอัตโนมัติ โดยยืนยันว่า ไม่มีการหักบัญชีทันที เป็นความเข้าใจผิดของผู้รับสิทธิ์เอง และมีบางรายที่ไปผูกพร้อมเพย์กับธนาคารอื่นแต่ไม่รู้ตัว


ส่วนขณะนี้ จำนวนเม็ดเงินที่เข้าไปในระบบทั้งหมด ประมาณ 141,000 ล้านบาท และจะมีผลต่อการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ 3.35 %


ส่วนกรณีที่ประชาชนมีการนำไปซื้อเหล้า ซื้อหวย อาจจะไม่ตอบโจทย์การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้น นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า รัฐบาลต้องคิดให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว เพราะหากรออีก 3 เดือน จะยิ่งส่งผลกระทบทางลบด้านเศรษฐกิจ จึงต้องมีการปรับรูปแบบซึ่งเชื่อว่าเป็นผลดี และตรงกับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง


ทั้งนี้ อาจจะมีตังค์ใช้ที่นอกเหนือความคาดหวังของรัฐบาลบ้าง แต่เป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และในเฟสถัดไปก็จะพยายามทำให้เป็นรูปแบบดิจิทัล พร้อมปฏิเสธว่า ยังไม่มีกำหนดว่าจะจ่ายเพียง 5,000 ในเฟสที่สอง ขณะนี้ ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ทุกอย่างต้องมีกลไก โดยรอผลการประชุมจากคณะกรรมการ


เมื่อถามว่า มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปตามเป้าเดิมของรัฐบาลหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจลดไปตามสัดส่วน  แต่เม็ดเงินที่เติมลงไปไม่ได้หายไปไหน ยังมีสภาพคล่องในระบบหมุนเวียน แต่อาจจะมีการรั่วไหลบ้าง แต่เม็ดเงินจะเป็นตัวหมุนในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น ถัดจากนั้น จะต้องดูระยะเวลาที่เหมาะสมในการเติมเม็ดเงินลงไปอีกรอบ เพื่อเป็นแรงบวกในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม


เมื่อถามว่า จะเป็นช่วงเทศกาล เช่น สงกรานต์ ปีใหม่ หรือ จะเก็บไว้เป็นไพ่เด็ด ช่วงโลว์ซีซั่น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวหรือไม่ นายจุลพันธ์ ระบุว่า ยังไม่สามารถกำหนด หรือให้คำตอบได้ แต่จะห่างจากเฟสแรกไปก็ไม่ดี เพราะจะทำให้เกิดแรงเฉื่อย ดังนั้น ต้องเติมเข้าไปในจังหวะเวลาที่เหมาะสม


เมื่อถามถึง กรณีนางสาวสิริกัญญา ตัณสกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน วิจารณ์ว่า พายุหมุนทางเศรษฐกิจจะไม่เกิดขึ้นแล้ว นายจุลพันธ์ กล่าวว่า อย่างง่าย ๆ ช่วงหนึ่งถึงสองวันนี้ ตั้งแต่เริ่มโอนเงินเงิน ก็เกิดการจับจ่ายใช้สอยอย่างคึกคักแล้ว ดังนั้น สิ่งที่ได้คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นของรัฐบาล


ถามว่า ในช่วงปลายปี จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ออกมาหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มี กำลังคุยอยู่ แต่จะเป็นคนครึ่ง หรือเที่ยวด้วยกัน ยังไม่ได้ข้อสรุป


เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่า หากเป็นโครงการเหล่านี้ จะกลายเป็นข้อครหาว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เพราะเคยวิจารณ์โครงการนี้ไว้เยอะ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ต้องดูตามภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจ จะเอาเรื่องพวกนั้นมาเป็นตัวตั้งไม่ได้ และพวกตนคงไม่เอาเรื่องนี้มาเป็นอุปสรรค แต่จะดูสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด การจะเอาศักดิ์ศรีมาคงไม่ใช่ แต่ต้องเอาประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก


นายจุลพันธ์ ย้ำว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้นอยู่ที่ความเชื่อมั่น และเสถียรภาพของรัฐบาล รวมถึงนโยบายที่มีความชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ


ถามว่า ความเชื่อมั่นของรัฐบาล กับการที่สมาชิกวุฒิสภากลับมติ สส. เรื่องร่างพรบ.ประชามติ ถือเป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐบาลหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของกระบวนการในสภา และวุฒิสภาก็มีความเป็นอิสระ เป็นขั้นตอนตามปกติ ไม่ใช่การเซาะกร่อน บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล แต่ต้องหาจุดร่วมกันให้ได้









คุณอาจสนใจ

Related News