เศรษฐกิจ

สกนช.เตรียมกู้เงินที่เหลือ 5 หมื่นล้านฯ ตรึงราคา น้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตร

โดย JitrarutP

3 ต.ค. 2566

76 views

“สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” เผย เตรียมกู้เงินที่เหลือ 5 หมื่นล้านบาท ตรึงราคาดีเซล 30 บาทต่อลิตร มาช่วยรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันในประเทศ

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยผลการดำเนินงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในรอบ 1 ปีตามปีงบประมาณ(ต.ค.65-ก.ย.66) ว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลแล้ว รวม 7 ครั้ง จาก 35 บาทต่อลิตร เหลือ 32 บาทต่อลิตร และล่าสุดปรับลดลงมาเหลือ 30 บาทต่อลิตร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 66 ซึ่งมีการใช้กลไกลดภาษีสรรพสามิตลง 2.50 บาทต่อลิตร และ ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯในการรักษาราคาขายปลีก

นอกจากนี้ การออกพระราชกำหนดผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2565 ได้มีส่วนช่วยทำให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยสถานการณ์กู้ยืมเงินของ สกนช. ได้ทยอยกู้ยืมเงินโดยสอดคล้องกับแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2566 โดยลงนามในสัญญากู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินรวม 105,333 ล้านบาท ปัจจุบัน สกนช. เบิกเงินกู้ยืมแล้วจำนวน 55,000 ล้านบาท และมีวงเงินกู้ยืมที่เบิกได้อีก 50,333 ล้านบาท

ส่วนก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2566 ได้ปรับขึ้นราคาจาก 408 บาท/ถัง 15 กก.เป็น 423 บาท/ถัง 15 กก.โดยมีผลวันที่ 1 มี.ค.2566 โดยให้กองทุนน้ำมันฯ เป็นกลไกในการรักษาเสถียรภาพราคา

ทั้งนี้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ ณ วันที่ 1 ต.ค.2566 ยังคงติดลบ 65,732 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 20,806 ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 44,926 ล้านบาท

ส่วน ทิศทางการดำเนินงานปี 2567 คาดว่าประมาณการราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกจะอยู่ที่ 115 -130 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยราคาเชื้อเพลิงยังคงเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลัก คือ การปรับลดอัตราการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกและโอเปกพลัสดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงสูง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จะยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการบริหารจัดการเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้เหมาะสมโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล และก๊าซ LPG ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำคัญมีผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน และคาดว่าจะสามารถนำวงเงินกู้ยืมที่ยังเหลืออีก 50,333 ล้านบาท มาช่วยรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันในประเทศได้ตามวัตถุประสงค์ที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกำหนดไว้

นอกจากนี้ สกนช. จะทบทวนแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 5 ปี (พ.ศ.2568-2572) เพื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์การรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงว่า หลักเกณฑ์ระดับราคาที่เหมาะสมของเชื้อเพลิงควรอยู่ที่เท่าใดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ส่วนยุทธศาสตร์การลดการจ่ายเงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งได้ขยายระยะเวลาดำเนินการจ่ายเงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพออกไปครั้งแรก 2 ปีจนถึงวันที่ 24 กันยายน 2567 นั้น จะต้องพิจารณาทิศทางของราคาเชื้อเพลิงชีวภาพที่นำมาเป็นส่วนผสมในน้ำมันเชื้อเพลิงอีกครั้งว่าจะเป็นเช่นไร อย่างไรก็ดี ตามพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 ยังมีระยะเวลาอีกช่วงที่สามารถต่ออายุไปได้อีกครั้งจนถึงปี 2569 ซึ่งเป็นเรื่องที่ สกนช. จะต้องนำเสนอให้กับรัฐบาลเพื่อพิจารณาต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News