ไทย-เกาหลีใต้ ตกลงหุ้นส่วนทางศก. จับมือลดขั้นตอนตรวจนำเข้า-ส่งออกสินค้า ลดความล่าช้าขนส่ง

การประชุมเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย เกาหลีใต้ หรือ EPA ครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงแล้ว โดยตลอด 3 วันของการเจรจาได้ความคืบหน้าในหลายประเด็น โดยเฉพาะความเห็นร่วมกันที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการตรวจปล่อยสินค้า นำเข้า ส่งออก เพิ่มขึ้น ซึ่งปีที่แล้ว ไทยและเกาหลีใต้ มีมูลค่าการค้าระหว่างกันมากกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



การประชุมเจรจา จัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ หรือ Economic Partnership Agreement หรือ EPA ที่เสมือนเป็นความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ระหว่างไทย กับเกาหลีใต้ สิ้นสุดลงแล้ววันนี้ โดยการเจรจาตลอด 3 วันที่ผ่านมา ฝ่ายไทยมีนางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย และนายคอนกี โร ปลัดกระทรวงด้านการเจรจาการค้า กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายเกาหลีใต้



หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ได้ข้อสรุปหลังการประชุมเจรจาในรอบที่ 2 นี้ คือสามารถได้ข้อสรุปผลของบทพิธีการศุลกากร และการอำนวยความสะดวกทางการค้าได้ เช่น การจัดตั้งคณะอนุกรรมการ ที่รับผิดชอบด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าขึ้นมาโดยเฉพาะ การอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับกระบวนการทางศุลกากรล่วงหน้า ก่อนสินค้ามาถึง ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการตรวจปล่อยสินค้าในการนำเข้า-ส่งออก ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้เพิ่มมากขึ้น



ผลการเจรจาในประเด็นนี้ จะนำไปสู่การลดขั้นตอนที่ล่าช้าของการส่งสินค้าระหว่างกันเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกัน



ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน ก็เช่นในซูเปอร์มาเก็ตนี้ อยู่ในย่านเมียงดง วางขายผลไม้หลายชนิด ที่ปลูกในเกาหลีใต้และนำเข้าจากต่างประเทศ หนึ่งในนั้นคือมังคุดจากประเทศไทย ที่วางขายเคียงคู่คู่แข่งจากประเทศอื่นได้ และหากผลการเจรจาสองฝ่ายนำไปสู่การลดขั้นตอนตรวจปล่อยได้เร็วดังกล่าว จะทำให้ผลไม้คงความสด ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางได้ เพราะความสด เป็นหัวใจสำคัญของผลไม้



สำหรับการเจรจา EPA ไทย-เกาหลีใต้ จะมีขึ้น 7 รอบ และสลับกันเป็นเจ้าภาพ และครั้งหน้าคือครั้งที่ 3 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าให้บรรลุผลการเจรจาภายในปี 2568 เพื่อผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกัน



ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าในปี 2566 ไทยและเกาหลีใต้เป็นคู่ค้าอันดับ 12 ของไทยมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 14,744 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปเกาหลีใต้ 6,073 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่น น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย แผงวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และไทยนำเข้าจากเกาหลีใต้ 8,671 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ เป็นต้น และ 7 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-ก.ค.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่ารวม 8,949 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยมูลค่าการค้าระหว่างกันดังกล่าว หากเจรจาได้ผลสรุปจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตร่วมกันได้เร็ว