จ่อส่งแรงงานไทย กลับทำงานอิสราเอลปลายเดือนนี้ พร้อมถกเพิ่มโควตา-มาตรการความปลอดภัย

กระทรวงแรงงานเตรียมส่งแรงงานไทย กลับไปทำงานภาคการเกษตร ที่ประเทศอิสราเอล ในปลายเดือนนี้และเดือนหน้า รวมกว่า 500 คน จะเป็นการส่งแรงงานไทย กลับไปทำงานอิสราเอลเป็นครั้งแรก หลังจากที่ต้องยกเลิกการส่งแรงงานไป จากปัญหาขัดแย้งระหว่างอิสราเอล กับปาเลสไตล์



ขณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เดินทางไปอิสราเอลเพื่อหารือเรื่องเพิ่มจำนวนแรงงานไทยและมาตรการดูแลความปลอดภัยและสวัสดิการให้แรงงานในอิสราเอล ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี โดยอิสราเอลพร้อมจะเพิ่มโควต้า แรงงานภาคเกษตรจาก 6 พันคนต่อปี เป็น 1 หมื่นคนต่อปี



แรงงานไทยภาคการเกษตรกลุ่มนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มแรงงานไทย ในกรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งยังคงทำงานอยู่ที่อิสราเอล โดยสมัครใจไม่เดินทางกลับประเทศไทย หลังจากที่เกิดสงครามระหว่างอิสราเอล กับปาเลสไตน์ โดยแรงงานไทยเหล่านี้ให้เหตุผลว่าทั้งโมชาฟ หรือคิฟบุช ที่ทำงานอยู่ เป็นพื้นที่ปลอดภัยจึงขออยู่ทำงานที่นั่นต่อ



ที่จริงแล้วนับจากเกิดความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ทำให้ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ส่งแรงงานไปทำงานในอิสราเอล ต้องยุติการส่งแรงงานไปที่นั่นจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย



กระทั่งตอนนี้ที่มีสัญญาณที่ดี ที่จะส่งแรงงานไทยกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกครั้ง ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมปลัดกระทรวง และคณะ ประสานกับฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชฑูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เดินทางไปอิสราเอลเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อหารือกับรัฐมนตรี 3 กระทรวงของอิสราเอล คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน



ประเด็นหลักในการหารือคือ เพิ่มโควตาจ้างแรงงานภาคเกษตร จากปีละ 6,000 คน เป็น 20,000 คน ขอให้แรงงานไทยที่ทำงานครบ 5 ปี 3 เดือน กลับไปทำงานอิสราเอลได้อีก และ เพิ่มการจัดส่งแรงงานภาคก่อสร้าง แบบรัฐต่อรัฐ



นอกจากนี้ ในการหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ได้ขอความร่วมมือช่วยเน้นย้ำนายจ้างให้ดูแลความปลอดภัยแรงงานไทยให้ทำงานในพื้นที่สีเขียวเท่านั้น ไม่อนุญาตแรงงานไทยเปลี่ยนนายจ้าง สถานที่ทำงาน ไปทำงานในพื้นที่สีเหลือง หรือสีแดง รวมถึงให้นายจ้างจัดทำที่หลบภัยที่แข็งแรงและปลอดภัยอย่างเพียงพอ และเสนอให้พิจารณารับนักศึกษาจากไทยเข้ามาฝึกงาน แบบรับค่าจ้าง



ส่วนการหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของอิสราเอล มีการเจรจาขยายสาขาการจัดส่งแรงงานไทยในสาขางานอื่นๆ โดยเฉพาะภาคบริการ พนักงานร้านอาหาร โรงแรม และการบริบาล



ขณะนี้อิสราเอลมีความต้องการแรงงานภาคก่อสร้างกว่า 25000 คน และนายจ้างยังต้องแรงงานแรงงานไทยทีมี่ทักษะด้านวิศวกร ช่างเชื่อม ช่างสี ช่างประกอบท่อ ช่างให้สัญญาณเครน เป็นต้น โดยได้ค่าจ้างชั่วโมงละ400-660 บาท



ล่าสุด ข้อมูลจากกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ยืนยันว่าขณะนี้อิสราเอลมีความต้องการแรงงานไทยภาคการเกษตร 2004 ตำแหน่ง โดยกระทรวงแรงงาน มีแผนจะส่งแรงงานภาคเกษตรกลุ่มแรกไปอิสราเอลระหว่างวันที่ 25-26 มิถุนายนนี้จำนวน 200 คน และในเดือนกรกฎาคมอีก 340คน รวมทั้งหมด 540 คน



โดยกระทรวงแรงงานย้ำและเตือนแรงงานไทยว่าอย่าหลงเชื่อนายหน้า หรือกลุ่มคนที่อ้างตัวจะพาไปอิสราเอลได้ เพราะขณะนี้ดำเนินการในรูปแบบรัฐต่อรัฐเท่านั้น เนื่องจากต้องคำนึงถึงพื้นที่ทำงานที่ปลอดภัยและสวัสดิการ รวมถึงเริ่มมีแรงงานในประเทศกู้ยืมเงิน เพื่อหวังจะไปทำงาด้วยหวังว่านายหน้าจะช่วยเหลือได้ ซึ่งจะเป็นเพียงการหลอกลวงเท่านั้น