ผู้บริหาร 'สตาร์ค' มอบตัวดีเอสไออีก 1 ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด

มีความคืบหน้าคดีหุ้นบริษัทสตาร์ค คอร์ปอเรชั่น โดยวันพรุ่งนี้คณะพนักงานสอบสวนจะประชุมความคืบหน้าคดี ทั้งเนื้อหาภายในสำนวนการสอบปากคำพยานบุคคล รวมถึงคำให้การของผู้ต้องหา โดยรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ หนึ่งในผู้บริหารคนสำคัญและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ของบริษัทสตาร์ค เข้าพบดีเอสไอแล้วเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด



พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีหุ้นบริษัทสตาร์ค ยืนยันว่านายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ เข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน



ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้กับดีเอสไอ ขณะที่นายวนรัชต์ ให้การปฏิเสธทุกข้อหา และนัดหมายขอส่งเป็นหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในภายหลัง



พันตำรวจตรียุทธนา ระบุว่าพฤติการณ์ระหว่างนายวนรัชต์ และนายชนินทร์ อาจจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่มีลักษณะเข้าข่ายร่วมกันฉ้อโกงเช่นเดียวกัน และไม่จำเป็น ที่ทุกคนในเรื่องนี้จะต้องกระทำเหมือนกัน หาก ก.ล.ต. เล็งเห็นว่าบุคคลใดมีส่วนรู้เห็นด้วยกันอย่างไร หรือมีพฤติการณ์การแบ่งหน้าที่กันทำ ก็ย่อมเข้าองค์ประกอบได้ ดังนั้น เมื่อมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ดีเอสไอในฐานะบังคับใช้กฎหมายและสอบสวน ก็มีหน้าที่จะต้องสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงให้ยุติ



พันตำรวจตรียุทธนา ได้ยกตัวอย่างเพิ่มเติมว่า นายวนรัชต์อาจจะชี้แจงว่า ได้ปล่อยให้นายชนินทร์ ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และดีเอสไอก็ต้องพิสูจน์ว่าเป็นไปตามที่ผู้ต้องหาชี้แจงหรือไม่ หรือเจ้าตัวได้รับประโยชน์ใดจากการมอบอำนาจดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งดีเอสไอต้องใช้เวลาในการรวบรวมคำให้การต่างๆ ไปพิจารณาประกอบกับพยานหลักฐานอีกหลายส่วน เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงที่เป็นธรรมต่อทุกคนที่สุด



นอกจากนี้ ยังระบุว่าพนักงานสอบสวนได้ข้อมูล โครงสร้างการบริหารงาน และผู้บริหารครบถ้วน แต่จะไม่มองรายละเอียดเฉพาะในเอกสารเท่านั้น ต้องพิจารณาจากการ ทำงานจริงด้วย และวันพรุ่งนี้ คณะพนักงานสอบสวนจะประชุมหารือความคืบหน้าทางคดี ทั้งเนื้อหาภายในสำนวน ผลการสอบปากคำพยานบุคคล คำให้การของผู้ต้องหา รวมถึงแนวทางการสอบสวน การแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมหลังจากนี้อีกด้วย เพื่อให้สำนวนคดีมีความครบถ้วน.



คดีนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้ดำเนินคดีกับบุคคลและนิติบุคคล 10 ราย ที่อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตบริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน และดีเอสไอ ออกหมายเรียกผู้ต้องหา 3 คนคือนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ, นายชินวัฒน์ อัศวโภคี, และนายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม



ออกหมายจับทั้งหมด 3 ราย ประกอบด้วย นายชนินทร์ เย็นสุดใจ, นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ, และนางสาว ยสบวร อำมฤต ในจำนวนนี้มีเพียงนายศรัทธา และ น.ส.ยสบวร ที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาและให้การปฏิเสธ



ขณะที่กรณีของนายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัทสตาร์คฯ ที่อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับ ดีเอสไอประสานไปยังองค์การตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล เพื่อออกหมายน้ำเงิน ขอความร่วมมือตำรวจสากลทั่วโลกตามหาถิ่นที่อยู่และนำตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดี โดยประสานไปยังกรมการกงสุล ยกเลิกหนังสือเดินทางนายชนินทร์แล้ว