กกพ. ยืนตามอนุฯ ค่าเอฟที เคาะค่าไฟงวดใหม่ 4.70 บาท/หน่วย

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เห็นชอบปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ค่าเอฟทีลง 7 สตางค์ ต่อหน่วย ตามข้อเสนอของ กฟผ. โดยไม่ต้องเปิดรับฟังความเห็นสาธารณะ ส่วนค่าเอฟทีงวด3 จะลดได้อีกหรือไม่ ต้องดูความเสี่ยงเรื่องการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ราคาแอลเอ็นจี และอีกหลายปัจจัยประกอบ



นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบอร์ด กกพ. มีมติอนุมัติตามที่คณะอนุกรรมการค่าเอฟที เห็นชอบต่อข้อเสนอของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เพื่อขอรับภาระยืดหนี้การชำระค่าไฟฟ้า



ทำให้ค่าไฟลดลง 7 สตางค์ต่อหน่วย จากเดิม 4.77 บาท เหลือ 4.70 บาทต่อหน่วย เป็นอัตราเดียวทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม โดยไม่ต้องรับความเห็น เนื่องจากเป็นการพิจารณาตามข้อเสนอของกฟผ. เท่านั้น ซึ่งจะทันรอบบิลวันที่ 1 พฤษภาคมนี้



หากเทียบกับค่าไฟในงวดปัจจุบัน เท่ากับว่า ครัวเรือน จะได้ลดค่าไฟ 2 สตางค์ต่อหน่วย จากปัจจุบันเสียอยู่ 4.72 บาทต่อหน่วย ส่วนภาคอุตสาหกรรม ได้ลด 63 สตางค์ จากปัจจุบันเสียอยู่ 5.33 บาทต่อหน่วย



ส่วนค่าไฟงวดสุดท้ายของปี คือ งวดเดือนกันยายนถึงธันวาคม ยังไม่รับปากว่า จะปรับลดลงได้ต่ำกว่า 4.70 บาทต่อหน่วยหรือไม่ เพราะมีความเสี่ยงจากช่วงมรสุมที่ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการขุดเจาะก๊าซ



สำหรับสาเหตุของค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นในเดือนที่ผ่านมา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. อธิบายสาเหตุของกรณีนี้ว่า อุณหภูมิภายนอกที่สูงขึ้นทำให้อุปกรณ์ทำความเย็นทำงานหนักขึ้น ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศระบายความร้อนได้ยากขึ้นและสิ้นเปลืองพลังงาน เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ



เมื่อปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้อัตราค่าไฟต่อหน่วยสูงขึ้น ในลักษณะการคิดคำนวณแบบขั้นบันได ที่หน่วยหลังๆ จะสูงกว่าหน่วยแรกๆ ดังนั้นเมื่อใช้ไฟฟ้าเยอะขึ้น ค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ค่า Ft และ ภาษี ก็จะสูงขึ้นตาม



กฟผ.จึงได้แนะนำให้ประชาชนควรล้างเครื่องปรับอากาศอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี ปรับอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส ลดการใช้ไฟฟ้าได้ 10% ใช้เครื่องไฟฟ้าที่มีสัญลักษณ์หมายเลข 5 ระดับ 3 ดาว ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันความร้อน เช่น ม่านบังแดด หรือ ฉนวนกันความร้อน รวมทั้งหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เกิดความร้อนในห้อง เช่น การหุงข้าว ต้มน้ำ และรีดผ้า และคอยติดตามสังเกตการใช้ไฟฟ้า เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น