อาชญากรรม

เปิดใจหญิงโหด ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ตีหัวจนสลบ ก่อนเอาร่างขึ้น จยย. ขี่ไปทิ้งสระน้ำทั้งเป็น

โดย weerawit_c

22 มิ.ย. 2567

745 views

ช่วงเช้าวานนี้ (21 มิ.ย.67) มีชาวบ้านพลเมืองดี ในพื้นที่หมู่ 1 ต.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์  โทรแจ้งตำรวจ สภ.หนองปลิง ว่ามีหญิงก่อเหตุฆ่าคนตายแล้วนำร่างมาทิ้งในสระน้ำสาธารณะ ที่ชาวบ้านขุดไว้สำหรับเก็บน้ำใช้ในการเกษตร มีความลึกกว่า 3 เมตร  ก่อนจะพยายามหลบหนี  แต่ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ พากันล้อมจับไว้ ก่อนจะแจ้งตำรวจ


โดยมีกล้องวงจรปิดของร้านค้าภายในหมู่บ้าน จับภาพหญิงผู้ก่อเหตุขี่รถไปตามถนน  โดยมีร่างของหญิงอีกคน วางพาดอยู่หน้ารถจักรยานยนต์ ศีรษะและขายื่นออกมา ขาลากไปกับพื้นถนนตลอดทาง ชาวบ้านที่ขับรถผ่านไปมา รู้สึกผิดสังเกต จึงพากันขับรถตามไปดู ก่อนจะไปพบว่า นำร่างของหญิงที่หมดสติไปโยนสระน้ำ


ระหว่างรอตำรวจและกู้ภัย ชาวบ้านถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานและสอบถามหญิงผู้ก่อเหตุ พบว่าพูดจาค่อนข้างสับสน อ้างว่าไม่รู้จักกับหญิงผู้ตาย แต่ “เขามาด่า มาตีหนูก่อน หนูก็ไม่เอาไว้หรอก” และยังอ้างว่า หญิงผู้ตายประสาทไม่ดี  ตอนเอามาทิ้งก็ไม่รู้ว่าตายหรือยัง แต่ขี้เกียจพาไปโรงพยาบาล เลยเอามาทิ้งน้ำ  หญิงผู้ก่อเหตุยังพยายามเจรจากับชาวบ้านขอให้ปล่อยเธอไป ขณะที่ชาวบ้านก็ไม่กล้าลงไปงมร่างผู้ตายเอง เพราะน้ำลึกมาก กลัวจะเป็นอันตราย จึงต้องรอเจ้าหน้าที่


เมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ จึงจับกุมตัว น.ส.อริญาทิตย์ฐา อายุ 38 ปี ผู้ก่อเหตุ   พร้อมประสานนักประดาน้ำจากมูลนิธิเจ้าพ่อกวนอู กู้ภัยนครสวรรค์ มางมร่างผู้ตาย ทราบชื่อภายหลัง คือ น.ส.บุญชู  อายุ 47 ปี ใช้เวลา 15 นาที จึงนำร่างขึ้นมาได้  และให้แพทย์เวรโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น พบว่าตามร่างกายผู้ตายมีร่องรอยบาดแผลอยู่หลายจุด  มีแผลฉกรรจ์ถูกของแข็งทุบตีที่ศีรษะ และคาดว่าเสียชีวิตไม่นาน สาเหตุที่เสียชีวิตน่ามาจากขาดอากาศหายใจหรือจมน้ำ  เท่ากับว่า ขณะที่ถูกนำร่างใส่รถจักรยานยนต์มาตลอดทาง  น.ส.บุญชู ยังไม่เสียชีวิต แต่มาเสียชีวิตเพราะถูกโยนร่างลงน้ำ  เจ้าหน้าที่จึงส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่นิติเวชโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์


สอบถามนายสมยศ ทางลาด  อายุ 53 ปี คนขับรถบรรทุก พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า
ขณะกำลังขับรถออกไปทำงาน บังเอิญมาพบเห็นผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดที่ข้างสระน้ำ และพบว่า กำลังลากร่างของหญิงอีกคน ที่มีรอยเลือดอยู่ที่หัว เอาลงจากรถ ก่อนจะลากร่างไปที่ริมสระ แล้วใช้เท้าถีบให้ร่างร่วงลงไป จากนั้นก็รีบหนีออกจากที่เกิดเหตุ ตนจึงรีบขับรถไล่ตาม  พร้อมกับตะโกนแจ้งชาวบ้านตามรายทาง ให้ช่วยกันไล่สกัดจับตัวเอาไว้ได้ทัน

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถาม น.ส.อริญาทิตย์ฐา ผู้ก่อเหตุ อ้างว่า ทะเลาะกับ น.ส.บุญชู   ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่เช่าห้องแถวอยู่ติดกัน  โดยถูก น.ส.บุญชู  ด่าทอหยาบคายเสียหาย และถือของแข็งจะเข้ามาทำร้าย  ตนจึงคว้าด้ามเหล็กสำหรับวางฐานร่ม ตีหัวเพื่อป้องกันตัว จน น.ส.บุญชู สลบไป ตนเข้าใจว่าตายแล้ว จึงเอาผ้าห่อร่าง  แล้วพาดใส่ที่หน้ารถจักรยานยนต์ ก่อนจะขี่รถเอาไปโยนทิ้งสระน้ำที่อยู่ห่างจากห้องเช่าประมาณ 3 กิโลเมตร เพื่อทำลายหลักฐาน  


เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ก่อเหตุ ไปยังห้องเช่าที่พักอาศัยอยู่ พบว่า มีกองเลือด และรอยหยดเลือดไหลเป็นทางยาวตั้งแต่บริเวณหน้าห้องไปจนถึงถนน  รวมถึงสามารถยึดของกลาง ด้ามเหล็กสำหรับวางฐานร่ม ที่ใช้ก่อเหตุด้วย จากนั้นคุมตัวผู้ก่อเหตุไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก


น.ส.อริญาทิตย์ฐา ผู้ก่อเหตุ ให้การทั้งน้ำตา ว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีปัญหาทะเลาะกับผู้ตาย  โดยอ้างว่าผู้ตายเป็นชู้กับสามีของเธอ  จนกระทั่งเช้าวานนี้ ก็ทะเลาะกันอีก ก่อนจะตบตีกัน แล้วผู้ก่อเหตุก็คว้าท่อนเหล็กตีหัวผู้ตายจนสลบแน่นิ่งไป  ซึ่งผู้ก่อเหตุอ้างว่า ไม่รู้ว่าคู่กรณีเสียชีวิตหรือยัง แต่ก็พยายามเอาร่างคู่กรณีขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อจะพาไปหาหมอ แต่ระหว่างทาง มีชาวบ้านที่ผ่านไปมา แต่ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ จึงตัดสินใจเอาร่างคู่กรณีไปทิ้งน้ำ  แล้วเอารถจักรยานยนต์ไปซ่อนไว้ในป่าข้างทาง ก่อนจะเดินกลับบ้าน  แต่มีชาวบ้านมาล้อมจับเสียก่อน


ด้านนายชัยรัตน์   อายุ 62 ปี สามีของผู้ก่อเหตุ ให้การว่า ตอนเกิดเหตุ ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เพราะเพิ่งกลับมาจากทำงานขับรถตู้ และเมื่อกลับมาถึงห้องพัก ก็ทราบข่าวว่า น.ส.บุญชู ถูกฆ่าตาย  แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครฆ่า  กว่าจะรู้ ก็เมื่อมีตำรวจจับตัวภรรยามาที่ห้อง เพื่อชี้จุดก่อเหตุ จึงทำให้ตกใจหนัก เพราะคิดไม่ถึงว่า ฆาตกรจะเป็นภรรยาของตนเอง


นายชัยรัตน์ ยังบอกว่า ภรรยาเข้ารับการรักษาอาการทางจิตเวชมานานหลายปีแล้ว และต้องกินยาควบคุมอาการอยู่ตลอด  แต่ก็ไม่หายขาดเสียที  อีกทั้งช่วงหลังๆ มักจะมีอาการหนัก ถึงขั้นคอยหึงจับผิดตน และคนอื่นๆ  รวมถึง น.ส.บุญชู เพื่อนข้างห้อง  ก็มักจะโดนภรรยาตน  ไปด่าหาเรื่องอยู่หลายครั้ง โดยกล่าวหาว่าจะมาแย่งตนไปเป็นสามี  จึงทำให้เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เพราะเขากลัวกันหมด


เช่นเดียวกันกับ น.ส.ปิยดา  อายุ 23 ปี  ซึ่งเป็นญาติของผู้ก่อเหตุ  ก็ให้การไปในทำนองเดียวกันว่า ผู้ก่อเหตุมักจะนั่งด่าอยู่คนเดียวเป็นประจำทุกวันที่หน้าห้องของตัว  อีกทั้งยังคอยจับผิดคนอื่นไปทั่ว  ไม่ว่าสามีจะไปยืนคุยกับใคร ก็จะตามไปด่าว่าแย่งผัวเขา  จนหลายคนขยาดไม่กล้าเข้าใกล้  ส่วนที่มีอาการทางจิตเวช เพราะเคยติดยาเสพติดมาหลายปี  เพียงแต่ที่ผ่านมา มีอาการแค่ด่าชาวบ้านไปทั่ว ไม่คิดว่าจะก่อเหตุรุนแรงแบบนี้


ส่วนเพื่อนบ้านที่อยู่ห้องเช่าใกล้เคียง ก็ให้การแบบเดียวกัน คือ ผู้ก่อเหตุ เคยติดยาเสพติดอย่างหนัก แล้วมีอาการทางจิตเวช   มักคิดไปเองว่าคนอื่นจะมาหาเรื่อง หรือจะมาแย่งสามี จึงหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว  จนชาวบ้านไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย  ซึ่งตอนเช้าช่วงเกิดเหตุ  คนที่เช่าห้องข้างๆ เห็นว่าทั้งคู่ยืนประจันหน้าทะเลาะกัน  ก็คิดว่าทะเลาะกันอีกแล้ว  แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรง จึงพากันออกไปทำงานกันตามปกติ  จนมาทราบเรื่องภายหลังว่าถึงขั้นฆ่ากันตาย ก็พากันตกใจมาก


ด้าน พ.ต.อ วิริยะบัณฑิตย์ สถิตย์สุุชาติ ผกก.สภ.หนองปลิง บอกว่า ผู้ต้องหายอมรับสารภาพ และพาตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว เบื้องต้น แจ้งข้อหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา  หากพบว่ามีความผิดอื่น ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม  และคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย


https://youtu.be/RJW0biDQYG8

คุณอาจสนใจ

Related News