อาชญากรรม

สอบอาจารย์ ม.ดังขอนแก่น โยงคดีชายดับปริศนาในโรงแรม คาดคลั่งหลังฉีดไอซ์ ใช้แก้วปาดคอตัวเอง

โดย thichaphat_d

6 ม.ค. 2567

374 views

กรณีเพจดังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “ปิดกันให้แซด รองคณบดีคณะ ว ม.ดังในขอนแก่น ถูกจับ ต้องสงสัยฆาตกรรมคู่ขา” ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางในโซเชียลของชาวขอนแก่น

วานนี้ (5 ม.ค.) พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง โดยเมือวันที่ 1 มกราคม 2567 ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ191ว่า มีพนักงานโรงแรมแห่งหนึ่ง โทรแจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายกันเสียชีวิต ที่ห้องพักของโรงแรม  

จากการตรวจสอบจากทางโรงแรมทราบว่า ผู้ตายชื่อ นายสุกิตติ์ธเนศ อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตที่พื้นห้องพัก ที่ลำคอมาบาดแผลถูกปาดคอด้วยของมีคม จนเส้นเลือดดำขาด และพบเศษแก้วแตกกระจายทั่วห้อง

สอบสวนพนักงานต้อนรับของโรงแรม ทราบว่าผู้ตาย ได้เข้ามาพักวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 14.00 น. ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 14.30 น. ผู้ตายไม่ได้เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม พนักงานโรงแรมจึงเข้าไปเคาะประตูห้อง 401 เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจึงได้ใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปพบว่า นายสุกิตติ์ธเนศ นอนเสียชีวิตภายในห้องดังกล่าว

ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวอีกว่า หลังตรวจที่เกิดเหตุและแพทย์ชันสูตรพลิกศพ ผู้ตายเสียชีวิตมาประมาณ 3 ชั่วโมงแต่ไม่เกิน 6 ชั่วโมง เพราะเสียเลือดมากจากบาดแผลที่ถูกปาดคอ ส่วนคนก่อเหตุนั้น ยังไม่ทราบตัวบุคคล เพราะเนื่องจากว่าบุคคลที่อยู่กับคนตายก่อนตายนั้น เป็นอาจารย์ชายระดับ ผศ.ดร. เป็นกลุ่มรักร่วมเพศ ทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองขอนแก่น อายุประมาณ 40 กว่าปี ซึ่งทั้งคู่เพิ่งรู้จักกันผ่านแอป จึงนัดมาเจอกันที่ห้องดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกอาจารย์รายดังกล่าวมาสอบสวนแล้ว ทราบว่า มาพบกันที่ห้อง 401 จริง ฝ่ายคนตาย ได้เรียกนายเอ (นามสมมุติ) มาพบที่ห้องด้วยอีก 1 คน ซึ่งเมื่อมาพบกัน นายเอก็ได้มีการผสมยาไอซ์ฉีดเข้าเส้นเลือดให้คนตาย โดยนายเอทำหน้าที่เป็นคนฉีดให้ และทั้ง 3 คนก็ได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกันจนเสร็จสิ้น จากนั้นอาจารย์และนายเอ ก็ออกจากห้องพักไปในคืนวันที่ 31 ธันวาคม เวลาประมาณ 23.00 น. ในห้องจึงมีเพียงคนตาย อยู่คนเดียว

กระทั่งวันต่อมาเวลาประมาน 08.00 น. มีเสียงดังโครมครามในห้อง และพบว่าผู้ตายได้เปิดประตูห้องวิ่งเข้า – วิ่งออก จากนั้นเสียงเงียบไปทางโรงแรมจึงได้เข้าตรวจสอบ ก็พบผู้ตายนอนเสียชีวิตบนเตียงนอน สภาพศพมีรอยกรีดด้วยของมีคมที่ลำคอ เส้นเลือดใหญ่ขาด คาดว่าก่อนเสียชีวิต คาดว่าอาจจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ทุบขวด ทุบแก้ว กรีดคอตัวเองจนเสียเลือดมากทำให้เสียชีวิตดังกล่าว

ในส่วนของนายเอนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวมาสอบสวนแล้วเช่นกัน ให้การว่ารู้จักกับคนตายในสถานบันเทิงในเมืองขอนแก่น ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา จึงมีการติดต่อกันเรื่อยมา แต่ก่อนจะเสียชีวิต คนตายเรียกใช้บริการผสมยาไอซ์ฉีดเข้าเส้นเลือด ติดต่อกันหลายวัน จนถึงวันสิ้นปีก็มีคู่ขามาเพิ่มอีกคนคือ อาจารย์รายดังกล่าว ส่วนการตายนั้น นายเอ ยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง เพราะออกจากโรงแรมแล้วไม่ได้เข้าไปอีก ส่วนการสอบสวนอาจารย์ ก็ยืนยันตรงกันว่า เจอกันจริง แต่ออกมาแล้ว ไม่ย้อนกลับไปอีก จึงไม่รู้สาเหตุการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเสร็จสิ้นก็ปล่อยตัวทั้ง 2 คนไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งให้พ่อแม่ผู้ตายทราบเรื่อง และเดินทางมารับศพผู้ตายไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านในจังหวัดชัยภูมิ จากการสอบสวนครอบครัว ทราบว่า นายสุกิตติ์ธเนศ ออกจากบ้านมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 แล้วไม่ติดต่อทางบ้าน ไม่กลับบ้าน ครอบครัวมารู้ข่าวอีกทีก็ตอนตำรวจแจ้งให้มารับศพ และญาติพี่น้องก็ติดใจ ซึ่งตำรวจจะได้มีการสืบสวนสอบสวน หาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และรอผลชันสูตรจากแพทย์

แต่ในเบื้องต้น สันนิษฐานว่า น่าจะฉีดยาไอซ์เข้าเส้นเลือด จนเกินขนาดและฉีดติดต่อกันหลายวัน ทำให้ร่างกายเกิดอาการช็อค จนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง เพราะคนที่อยู่ห้องพักติดกัน บอกว่า คนตายคลุ้มคลั่งโวยวายในห้อง มีเสียงแก้วแตกด้วย จึงอาจเป็นไปได้ว่า คลุ้มคลั่งแล้วใช้แก้วแตกปาดคอตัวเอง เป็นเหตุให้เสียเลือดมากและเสียชีวิต

ทางด้าน นายยุทธพร พิรุณสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ในฐานะที่กำกับดูแลด้านยาเสพติด เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งอยู่ในความรับผิดของโรงแรมด้วย โดยเฉพาะผู้จัดการโรงแรม ต้องมีหน้าที่สอดส่องดูแลผู้เข้าพักทุกคนอย่างละเอียด และผู้จัดการโรงแรมต้องแจ้งเหตุทุกครั้ง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องยาเสพติดอย่างเดียว แต่รวมถึงอาชญากรรมหรือการมั่วสุมอื่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเหตุด้วย อย่างกรณีสองคนที่อยู่ในโรงแรม ผู้จัดการอาจจะไม่ทราบว่าในห้องเขาทำอะไรกัน และเกิดอะไรขึ้น แต่บางเคสมีการมาเป็นกลุ่มผิดสังเกตทางโรงแรมก็ต้องสอดส่องดูแล ถ้าปล่อยปละละเลยโรงแรมต้องรับผิดชอบ หากโทษร้ายแรงถึงขั้นเพิกถอนในอนุญาตโรงแรมหรือถึงขั้นปิดโรงแรมเลยก็ว่าได้


https://youtu.be/qfR2dhB42tE

คุณอาจสนใจ

Related News