อาชญากรรม

คุมตัว ‘บอย’ ทำแผนช่วย ‘เสี่ยแป้ง’ หนีออกจากรพ.- กรมราชทัณฑ์เพิ่มรางวัลนำจับ เป็น 1 ล้านบาท

โดย petchpawee_k

28 ต.ค. 2566

137 views

ตร.หิ้ว ‘บอย’ ทำแผนช่วย ‘เสี่ยแป้ง’ หนีออกจากรพ. ชี้จุดเตรียมอุปกรณ์-มือถือ จากบ้านไป รพ. วงจรปิดมัดตัว  ขณะที่ ตร.ปิดล้อมบ้าน ‘บิ๊ก’ แต่ไม่เจอตัว คุมตัวเมียเค้นสอบ เจ้าตัวปฏิเสธ ไม่รู้เห็น ด้าน ‘ปอย’ สมุน ‘เสี่ยแป้ง’ ติดต่อขอมอบตัว สุดท้ายเบี้ยวตำรวจ  ด้าน 'กรมราชทัณฑ์' เพิ่มเงินรางวัลนำจับเป็น 1 ล้านบาท 


หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังควานหาตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ "เสี่ยแป้ง นาโหนด"  และลูกน้องเสี่ยแป้ง โดยเมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) มีกระแสข่าวว่า นายจีระวุฒิ ชุมศรี หรือปอย อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดพัทลุง ลูกสมุนคนสนิทของ เสี่ยแป้ง ที่ปรากฏภาพในคลิปกล้องวงจรปิด เป็นคนพา เสี่ยแป้ง หลบหนีออกจาก รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช จะขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จ.พัทลุง ซึ่งตลอดทั้งวันที่ผ่านมายังไม่มีวี่แววของ นายจีระวุฒิ เข้ามอบตัวแต่อย่างใด


อย่างไรก็ดีในส่วนของการตรวจยึดกระบะ ซึ่งถูกจอดทิ้งที่สำนักสงฆ์ยางยายขลุย เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเป็นตัวนายปอยลงจากรถ กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางเข้าออก


ขณะเดียวกันที่ จ.นครศรีธรรมราช ทางตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้นำตัวนายคเณศหรือบอย ทองประจง อายุ 28 ปี ออกจากห้องขังมาสอบสวนปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง จนในที่สุด นายคเณศหรือบอย ได้เปิดปากรับสารภาพหมดเปลือกว่าได้รับการติดต่อจากนายจักรี หรือบิ๊ก ให้มาร่วมช่วยเหลือนายเสี่ยแป้งหลบหนีออกจาก รพ.


โดยคืนแรกวันที่ 20 ต.ค. 66 นายคเณศ หรือบอย ได้ขี่รถจยย.เวสป้าสีขาว เดินทางไปยัง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อนำซิมโทรศัพท์และอุปกรณ์ตัดโซ่ตรวน,อาวุธปืน และชุดสำหรับเปลี่ยนไปให้นายบิ๊กและ น.ส.ไหม ที่บริเวณด้านหลัง รพ.มหาราช และหิ้วกระเป๋าใส่อุปกรณ์ทั้งหมดขึ้นไปส่งให้กับเสี่ยแป้ง


 แต่ปรากฏว่าคืนแรกเสี่ยแป้ง ไม่สามารถตัดโซ่ตรวนได้สำเร็จ จึงขี่รถ จยย.ออกจากรพ.กลับบ้านเช่าที่บริเวณริมถนนพัฒนาการคูขวาง อ.เมืองนครศรีธรรมราช และวันรุ่งขึ้นอีกวันได้มีการวางแผนใหม่อีกรอบด้วยการนำกุญแจผีขึ้นไปบนตึกจนสามารถสะเดาะห์กุญแจได้และพากันหลบหนีไปในที่สุด


หลังจากสอบสวนเสร็จแล้ว กำลังตำรวจขุดสืบสวนได้คุมตัวนายคเณศ หรือบอย ไปชี้จุดที่เกิดเหตุต่างๆ บริเวณด้านหลังตึก รพ.มหาราช ซึ่งเป็นจุดนัดพบกับกลุ่มคนร้ายเพื่อวางแผนนำอุปกรณ์ตัดโซ่ตรวน,ซิมโทรศัพท์ และอาวุธปืนขึ้นไปให้เสี่ยแป้ง ซึ่งทางตำรวจสภ.เมืองนครศรีธรรมราช กำหนดจะฝากขังนายคเณศ ในวันนี้ (28 ต.ค.) ก่อนเที่ยง


จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายคเณศ หรือบอย ไปค้นบ้านเช่า ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรามราช เพื่อค้นหาหลักฐานต่างๆ โดยมีทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่วันเกิดเหตุ และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อเวสป้าสีขาวที่ใช้เป็นพาหนะในวันนำสิ่งของเข้าไปให้เสี่ยแป้ง


โดยมีนางสมจิตร อายุ 55 ปี แม่นายคเณศ หรือบอย มายืนในบ้านเช่าหลังดังกล่าวด้วย โดยแม่ได้ดุด่าต่อว่าลูกชายทำไมชอบไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนักโทษในเรือนจำ สอนแล้วไม่จำ ทำให้นายคเณศ หรือบอย ถึงกับตกใจ


นางสมจิตร ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนยอมรับว่าลูกชายตนทำผิดจริงเพราะรู้นิสัยลูกชายคนนี้ดี ก็ขอให้ตำรวจดำเนินคดีไปตามกฎหมายเต็มที่ แต่ไม่อยากทางสื่อมวลชนเอานามสกุลไปโยงกับนามสกุลของผู้คุมคนหนึ่งในคืนวันเกิดเหตุ ยอมรับว่าเป็นญาติกันแต่ไม่สนิทกันเลยซึ่งผู้คุมคนดังกล่าวไม่รู้เรื่องอะไรอย่าเอาไปโยงกันเลยให้ความเป็นธรรมกับผู้คุมคนดังกล่าวด้วย


 ขณะที่ช่วงเช้าวันเดียวกันที่ จ.พัทลุง ตำรวจกองปราบ ได้ตรวจค้นบ้านพักของ นายจักรี หรือบิ๊ก แป้นน้อย อายุ 41 ปี สมุนอีกคนของ เสี่ยแป้ง ซึ่งทำหน้าที่ขับรถพาเสี่ยแป้งหลบหนี ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.พญาขัน อ.เมือง จ.พัทลุง หลังมีกระแสข่าวว่า นายบิ๊ก แอบดอดกลับบ้านเมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านม แต่เจ้าหน้าที่ไม่เจอตัว นายบิ๊ก เจอแต่เพียงภรรยา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวภรรยานายบิ๊ก ไปสอบปากคำเกี่ยวกับเส้นทางการหลบหนีของ นายบิ๊ก ว่า ระหว่างการหลบหนีได้ไปพบใครในพื้นที่ใดมาบ้าง เพื่อขยายผลเชื่อมโยงการติดตามจับกุมตัว นายปอย นายบิ๊ก และเสี่ยแป้ง ต่อไป


จากการสอบปากคำ ภรรยานายบิ๊ก ให้การปฏิเสธ ระบุว่า ไม่ได้ไปกับนายบิ๊ก ยืนยันว่าอยู่ที่บ้านตลอด และไม่ได้ไปไหน

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า นายบิ๊ก ยังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่ จ.พัทลุง และถ้าหากนายปอย เข้ามอบตัว เชื่อว่า นายบิ๊ก ก็จะเป็นผู้ต้องหาอีกรายที่จะเข้ามอบตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกัน


กระทั่งต่อมา ทางชุดสืบสวนตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้ขออนุมัติหมายจับ น.ส.วิลาวัลย์ หรือทราย บุญจันทร์ อายุ 30 ปี หลังพบหลักฐานการเชื่อมโยง โดยมีพยานเห็นว่าทรายภรรยาของนายบิ๊กได้เดินทางไปที่ รพ.มหาราช พร้อมกับนายบิ๊ก เพื่อช่วยเหลือเสียแป้งหลบหนีออกจาก รพ.  


 ด้าน นางบุ้ย แม่ของนายบิ๊ก กล่าวว่า ไม่ได้เจอลูกชายเลย ส่วนลูกสะใภ้อยู่ด้วยกันตลอด ไม่ได้ไปไหน ไม่อยากพูดอะไรแล้ว ให้สื่อไปถามตำรวจ เพราะตำรวจเอาข้อมูลไปหมดแล้ว

 ด้านแม่ของน.ส.วิลาวัลย์ ภรรยานายบิ๊ก ระบุว่า ตนเองไม่ทราบเลยว่าลูกสาว และลูกเขยทำอะไร มาทราบอีกทีตอนที่เห็นข่าวในทีวี และเมื่อเช้าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบนำตัวลูกสาว มาสอบปากคำ เลยตามมาดูด้วยความเป็นห่วงเท่านั้น


ซึ่งล่าสุดเมื่อเวลา 23.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปรามได้คุมตัว น.ส.วิลาวัลย์ หรือทราย ผู้ต้องหามาส่งที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อดำเนินคดีในข้อหาในข้อหา ร่วมกันกระทำการด้วยประการใดให้ผู้ถูกควบคุมขังตามอำนาจศาล ซึ่งเป็นบุคคลต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป หลุดพ้นขากการคุมขังไป


โดยเมื่อกำลังตำรวจกองปรามปรามได้คุมตัว น.ส.วิลาวัลย์ มาถึง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ตำรวจได้นำตัว น.ส.วิลาวัลย์ เข้าห้องคุมขังทันทีเพื่อรอสอบสวนปากคำอีกครั้งในวันนี้ (28 ต.ค.) โดย น.ส.วิลาวัลย์ ผู้ต้องหาไม่มีอาการเครียดแต่อย่างใด โดยไม่ยอมตอบคำถามใดๆ กับผู้สื่อข่าว


ส่วนที่หน้า สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ช่วงค่ำวันเดียวกัน ตำรวจได้มีการรถยนต์กระบะมิตซูบิซิ ไทรทัน สีขาว ซึ่งเป็นรถของกลางที่คนร้ายใช้พาเสี่ยแป้งหลบหนีคืนเกิดเหตุ และมีการพบรถยนต์กระบะคันดังกล่าวถูกจอดทิ้งในพื้นที่ จ.พัทลุง ได้มีการนำรถยนต์กระบะคันดังกล่าวมาเก็บหน้าที่หน้า สภ.เมืองนครศรีธรรมราช โดยตำรวจได้มีการล็อคล้อรถและนำกล้องวงจรปิดมาติดตั้งเพื่อดูความเคลื่อนไหวตลอดเวลาอีกด้วย


ส่วนความคืบหน้าในการไล่ล่าติดตามตัวกลุ่มผู้ต้องหานั้น ขณะนี้ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภา 9 ได้ประชุมวางแผนไล่ล่า ผู้ต้องหากลุ่มเสี่ยแป้ง โดยตำรวจพัทลุงที่ทราบประวัติส่วนตัวของนายเชาวลิต เป็นอย่างดีนั้น ยังมั่นใจว่าเจ้าตัวน่าจะยังคงหลบซ่อนตัวในพื้นที่ จ.พัทลุง โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ พบเคลื่อนไหวพื้นที่รอยต่อระหว่างพัทลุง-ตรัง และพื้นที่ จ.พัทลุง-สตูล โดยมีกลุ่มลูกน้องคนสนิทคอยดูแล ล่าสุดยังพบเคลื่อนไหว ในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.พัทลุง ชึ่งเป็นพื้นที่บ้านเกิด



อย่างไรก็ตามจากการประชุมวางแผนติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าตัวเสียแป้งไม่มีการเคลื่อนไหว ส่วนใหญ่ให้กลุ่มลูกน้องที่สนิทคอยให้การช่วยเหลือ


 ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง เพิ่มเติมว่า ในขณะนี้กำลังของตำรวจมีการเตรียมพร้อมและเคลื่อนไหวในการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ณ ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง หลังจากทุกๆ ฝ่ายมีความมั่นใจสูงว่านายเชาวลิต ยังคงกบดานอยู่ในพืเนที่พัทลุง โดยมีกลุ่มลูกน้องหลายๆ คนเป็นผู้ให้การดูแลท้องอาวุธร้ายแรง และด้านเสบียงอาหาร


และล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ ออกเอกสารข่าว กรณีนายเชาวลิต  ผู้ต้องขังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช หลบหนีการควบคุมขณะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว  


ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้เพิ่มรางวัลนำจับ โเดยหากผู้ใดพบเห็นสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 075-803905 หรือ 065-291-1531 โดยกรมราชทัณฑ์ขอเพิ่มรางวัลนำจับจาก 100,000 บาท  เป็น 1,000,000 บาท 


https://youtu.be/H4ryirUBmSQ

คุณอาจสนใจ

Related News