อาชญากรรม

สุดหดหู่ ย่าวัย 82 ปี เขียนจดหมายลาตาย เครียดถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก สูญเงินเก็บทั้งชีวิตเกือบ 3 ล้าน

โดย petchpawee_k

21 ต.ค. 2566

301 views

จากกรณีที่เพจ Drama-addict โพสต์เรื่องราวของหลานชายคนหนึ่ง ที่ขอความช่วยเหลือแทนคุณย่าที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินไปเกือบ 3 ล้านบาท แจ้งตำรวจแล้ว แต่กลัวเรื่องเงียบ กลัวคุณย่าคิดสั้น  


เรื่องราวที่หลานชายพอจะทราบมา ก็คือ มีโทรศัพท์โทรมาอ้างว่า เป็นตำรวจ ได้รับเรื่องว่ามีพัสดุผิดกฎหมายมาที่ ไปรษณีย์ภูเก็ต  คนที่อ้างเป็นตำรวจขอให้คุณย่าแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยให้ชี้แจงทรัพย์สินที่มีทั้งหมด และหลอกให้แอดไลน์ จากนั้นสอนให้เปิด App Mymo ออมสิน และ Next กรุงไทย  แต่ธนาคารกรุงไทยนั้น ต้องนำลูกมาขอเปิดด้วย จึงเปิดสำเร็จแค่ธนาคารออมสิน เมื่อเปิดเสร็จ คนร้ายหลอกว่าจะขอนำเงินที่มีทั้งไปตรวจสอบ ว่าเป็นเงินที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีและให้โอนเงินไปตามเลขบัญชีที่แจ้งมา พร้อมย้ำว่าห้ามบอกใครทั้งสิ้น จนผ่านไป 1 เดือน เงินของย่าหมดบัญชี ย่าบอกลูกหลานว่า บัญชีโดนอายัด ลูกหลานจึงตะล่อมให้ย่าเล่าให้ฟัง  จึงทราบว่าโดนหลอกรวมเป็นเกือบ 3 ล้านกว่าบาท  จึงไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ  ในวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา  


เมื่อได้ใบแจ้งความจึงไปไล่อายัดตามธนาคารบัญชีม้าปลายทาง พ่อจึงไปขอ statement ธนาคารกรุงไทย จึงพบว่าโดนหลอกให้ถอนและไปฝากตู้อีก 1 ล้านกว่า รวมเป็นเงินประมาณ 3 ล้าน จนบัดนี้ ย่ายังเชื่อว่า คนร้ายเป็นตำรวจจริง ตอนนี้สถานการณ์ที่บ้านแย่มาก ปู่เป็นอัลไซเมอติดเตียง ย่าก็เอาเงินของปู่ไปให้คนร้ายหมด หลานจึงมาขอความช่วยเหลือจากเพจ เพื่อขอแนวทางว่าจะติดตามคดีอย่างไร รวมทั้งแชร์เป็นอุทาหรณ์ให้ครอบครัวอื่น ดูแลผู้สูงอายุให้ดี  ซึ่งตอนนี้ทางครอบครัว กำลังคิดหลอกย่าว่าตำรวจตามได้บางส่วน แต่ยังใช้เงินไม่ได้ เพื่อให้ท่านไม่ช็อก


ปรากฎว่า คุณย่า พอรู้ว่าตัวเองถูกหลอก ก็เสียใจมาก เจ็บใจมาก ถึงกับเขียนจดหมายลาตาย สั่งเสียถึงลูกหลาน ข้อความระบุว่า "คำสั่งสุดท้ายของแม่ 18 ต.ค.66 ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีลมหายใจแล้ว ให้กู๊ดกับเก่ง เป็นผู้ไปรับเงินช่วยเผาศพ 3 เดือน และเงินอื่นถ้ามี ไม่ต้องจัดพิธีรีตองอะไร เผาที่วัดคลองเตย ติดต่อสำนักงานประถม  จากแม่ซ่อนกลิ่น”  โชคดีที่ลูกๆ มาเห็นก่อน ก่อนที่คุณย่าซ่อนกลิ่นจะคิดสั้น


เมื่อวานนี้ (20 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวไปพูดคุยกับคุณย่าซ่อนกลิ่น วัย 82 ปี ข้าราชการเกษียณ และสามีวัย 83 ปี ข้าราชการเกษียณเช่นกัน ทั้งคู่อาศัยอยู่ในย่านคลองเตย แต่สามีของคุณย่า ป่วยติดเตียง มีลูกจ้าง 2 คน ที่มาทำหน้าที่ดูแลสามี และทำงานบ้านต่างๆ  โดยคุณย่าซ่อนกลิ่น จะเป็นคนถือสมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม  คอยเบิกเงินมาจ่ายค่าจ้างให้คนที่มาดูแลสามี เล่มแรกเป็นของธนาคารออมสิน มีเงินเก็บ 2,585,153.31 บาท ส่วนเล่มที่ 2 ธนาคารกรุงไทย เอาไว้รับโอนเงินบำนาญ


คุณย่าซ่อนกลิ่น เล่าว่า วันเกิดเหตุ คือ 8 กันยายน 2566 ช่วงเวลาใกล้เที่ยง มีคนโทรศัพท์มาอ้างเป็นพนักงานไปรษณีย์ที่ภูเก็ต  มีพัสดุส่งถึงคุณย่า แต่ตรวจพบว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เช่น พาสปอร์ตและสิ่งของผิดกฎหมายอื่นๆ  ซึ่งอาจเป็นเพราะเอกสารสำคัญของคุณย่ารั่วไหล ทำให้แก๊งมิจฉาชีพเอาข้อมูลไปปลอมแปลงทำเรื่องไม่ดี  จากนั้น ปลายสายที่อ้างตัวเป็นพนักงานไปรษณีย์ บอกให้ย่าซ่อนกลิ่นไปแจ้งความกับตำรวจที่ภูเก็ต  แต่ย่าบอกว่า ไปไม่ได้ แก่แล้ว  ปลายสายก็บอกว่า งั้นจะช่วยโอนสายไปให้คุยกับตำรวจระดับผู้กำกับการ ของ ปปง. พอโอนสายไปแล้ว คนที่อ้างว่าเป็นตำรวจ ก็บอกคุณย่าว่า คุณย่าอาจถูกแอบอ้างข้อมูลเอาไปใช้กระทำความผิด แต่ไม่ต้องห่วง ทางตำรวจจะช่วยดูแลเรื่องต่างๆ ให้  ให้คุณย่าทำตามขั้นตอนที่บอก


จากนั้นก็สอนให้แอดไลน์ และดึงเข้ากลุ่มที่ตั้งชื่อว่า "หน่วยงาน ปปง." พร้อมกับบอกว่าต้องตรวจสอบทรัพย์สินของคุณย่าซ่อนกลิ่นทั้งหมดที่มี  รวมทั้งเงินในบัญชีธนาคาร โดยให้โอนไปที่บัญชีกลางของ ปปง.


แต่ว่า คุณย่าซ่อนกลิ่น ไม่มีแอปฯ ธนาคารในโทรศัพท์ คนร้ายก็แนะนำให้ไปเปิดแอปฯ ที่ธนาคาร โดยให้ไปบอกกับธนาคารว่า ย่าอายุมากแล้ว ไม่สะดวกเดินทางมาธนาคารบ่อย ๆ จึงขอเปิดแอปฯ ปรากฎว่าธนาคารออมสินให้เปิดแอปฯ ได้ ส่วนธนาคารกรุงไทย ไม่ยอมให้เปิดแอปฯ ต้องพาลูกหลานมาด้วย จึงจะเปิดให้  


เมื่อได้แอปฯ มาแล้ว แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็หลอกให้คุณยายทยอยโอนเงิน ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน จนถึงวันสุดท้าย 5 ตุลาคม 2566 มียอดสูงสุดคือวันที่ 16 กันยายน 2566 1 ล้านบาท, วันที่ 17 ตุลาคม 2566 150,000 บาท และครั้งสุดท้ายที่โอนคือมีเงินติดบัญชี 1,556.31 บาท คนร้ายหลอกให้โอนยอดนี้ ในวันที่ 5 ตุลาคม 2566 สรุปโอนเงินออกจากบัญชีคุณย่าซ่อนกลิ่นไปบัญชีอื่น 13 บัญชี รวมเป็นเงิน  2,585,153.31  บาท


โดยที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใจเย็นใช้เวลาหลอกให้คุณย่าซ่อนกลิ่น โอนเป็นเวลาหลายวัน เพราะห้ามไม่ให้บอกใคร เวลาพิมพ์ไลน์ ก็อย่าใช้คำว่าโอนเงิน ให้ใช้คำถ่ายเทมาไว้ที่บัญชีกลาง  นอกจากนี้ คนร้ายที่อ้างว่าเป็นตำรวจ ยังมีการแชทข้อความทำเป็นห่วงใยคุณย่า มีการบอกให้พักผ่อนมากๆ กินยา รักษาสุขภาพ ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน ตำรวจจะดูแลให้ ทำให้คุณย่าหลงเชื่อ แชทพูดคุยกับคนร้ายราวกับเป็นลูกหลานคนหนึ่ง



ด้านคุณตระกูล ลูกชายของคุณย่าซ่อนกลิ่น บอกว่า ลูกหลานไม่มีใครรู้เรื่องเลย เพราะแม่ไม่ยอมบอกให้ใครรู้ มารู้ก็ต่อเมื่อแม่โทรศัพท์ไปยืมเงินหลาน เพื่อมาจ่ายเงินเดือนลูกจ้างในบ้าน จึงแปลกใจ ตนจึงค่อย ๆ ถามจากแม่ จนรู้ว่าโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก จึงรีบพาไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 และพอแม่รู้ว่าโดนหลอก เงินก็อาจไม่ได้คืน ทำให้แม่เสียใจ เขียนจดหมายสั่งเสีย "คำสั่งสุดท้ายของแม่" ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2566 ข้อความว่า "ถ้าพรุ่งนี้ ไม่มีลมหายใจแล้ว ให้กู๊ดกับเก่ง เป็นผู้ไปรับเงินช่วยเผาศพ 3 เดือน และเงินอื่นถ้ามี ไม่ต้องจัดพิธีรีตองอะไร เผาที่วัดคลองเตย ติดต่อสำนักงานประถม" แล้วก็เขียนชื่อคนที่ให้ติดต่อ ลงท้ายด้วยคำว่า "จากแม่ซ่อนกลิ่น"



คุณตระกูล ลูกชายของคุณย่าซ่อนกลิ่น บอกว่า ตอนนี้ คุณแม่เริ่มป่วยเป็นอัลไซเมอร์ด้วย ส่วนคุณพ่อป่วยติดเตียงเริ่มจากอัลไซเมอร์ ติดเชื้อ แล้วก็กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งคดีนี้ ทางผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 บอกว่า ตอนนี้คดีอยู่ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ หาก สน.ทุ่งมหาเมฆ ส่งคดีไปให้กับตำรวจไซเบอร์ ก็พร้อมจะไล่สืบสวนนำตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้มาดำเนินคดี


https://youtu.be/VHSryp3bq34

คุณอาจสนใจ

Related News