อาชญากรรม

รักแรกและรักเดียว เส้นทางรัก 'เอ็ม-เจษฎา' พบรักบนรถไฟ รักมากจนยอมทุกอย่าง ถูกทำร้าย-ยอมให้นอกใจ

โดย thichaphat_d

23 ก.ย. 2566

3.8K views

สรุปพฤติการณ์ฝากขัง ‘เอ็ม ส่องศักดิ์’ ทำร้ายลูก และฆ่าโบกปูนไร้เงาญาติยื่นประกันส่งนอนคุก

เมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) พนักงานสอบ สน.บางเขน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอฝากขังนายส่องศักดิ์ ส่งแสง หรือเอ็ม รวม 2 สำนวน ประกอบด้วย

คำร้องฝากขัง หมายเลขดำ ฝ.1406/2566 ซึ่งมีนายส่องศักดิ์ ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 และ น.ส.สุนัน ภรรยา ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย, ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตาย หรือเหตุแห่งความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 199, 290 วรรคหนึ่ง

ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาที่ 1 รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 รับสารภาพในข้อกล่าวหาร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตาย หรือเหตุแห่ง ความตาย ส่วนข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายนั้น ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การปฏิเสธ

และจากการซักถามปากคำเบื้องต้น ทั้งสองให้การไปแนวทางเดียวกันว่า นายส่องศักดิ์ ได้ทำร้ายร่างกายลูกสาวอายุ 2 ปีจนได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ได้พาไปพบแพทย์ กระทั่งลูกสาวเสียชีวิต จากนั้นได้ร่วมกันนำร่างของขึ้นรถยนต์เพื่อเดินทางไปยังบ้านที่หมู่ 15 ต.บ่อถ้ำ อ.ขาณุวรลักษณ์ จ.กำแพงเพชร โดยได้แวะซื้อถุงพสาติกสีดำเพื่อไว้ห่อร่างศพ ก่อนจะ ร่วมกันลงมือตระเตรียมอุปกรณ์ที่จะจัดการกับศพ ด้วยการฝังร่างไว้กับพื้นบ้านแล้วใช้ปูนซีเมนต์โบกปิดทับไว้

ซึ่งหลังจากให้การเบื้องต้น ทั้งสองสมัครใจชี้ยืนยันจุดที่ฝังศพเด็กหญิง เมื่อไปถึงที่บ้านดังกล่าว บริเวณครัวด้านหลังของบ้านมีร่องรอยการขุดและปิดโบกทับด้วยปูน จึงได้ทำการทุบซีเมนต์และขุดพื้นในจุดที่ผู้ต้องหาทั้งสอง นำชี้จุดเกิดเหตุฯ ปรากฏพบถุงพลาสติกสีดำ เมื่อเปิดออกมาพบศพเด็กหญิงอายุประมาณ 2 ปี ซึ่งทั้งสองให้การรับสารภาพว่าเป็นลูกสาวของทั้งสองจริง

ซึ่งการฝากขัง ทั้งพนักงานสอบสวน ผู้ร้อง และผู้เสียหาย ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงหากปล่อยตัวไปเกรงว่าจะหลบหนี และผู้เสียหายอาจได้รับอันตรายเนื่องจากผู้ต้องหาทราบที่อยู่ของผู้เสียหาย

จนถึงปี 2564 ซึ่งขณะที่พักอาศัยอยู่นั้น ผู้ต้องหามักจะทำร้ายร่างกายผู้กล่าวหา รวมถึงยังได้มีการใช้ไคขวงกับมีดลนไฟจนเหล็กสีแดง และนำมาทาบตามร่างกายของผู้กล่าวหาจนเกิดเป็นแผลพุพอง จำนวนหลายแผล และเป็นแผลเป็นตามร่างกาย โดยหากไม่ทำตามก็ข่มขู่ว่าทำร้ายร่างกายผู้กล่าวหา หรือบางครั้งก็ข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ตาย

จนกระทั่งประมาณปี 2564 ผู้กล่าวหาได้ย้ายมาพักที่อพาร์ทเม้นท์ ซอยพหลโยธิน 48 แยก 11 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กับลูกของผู้กล่าวหา โดยแยกกันอยู่กับผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาก็มาหาผู้กล่าวหาและลูกอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ต่อมาจนกระทั่งผู้ต้องหาก็กลับมามีพฤติกรรมแบบเดิม โดยได้บังคับให้ผู้กล่าวหาทำการถ่ายวิดีโอ

โดยผู้กล่าวหาใช้โทรศัพท์มือถือถ่าย และส่งให้ผู้ต้องหาดู หากไม่ยอมทำตามผู้กล่าวหาและลูกจะถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย และผู้ต้องหามักจะใช้ลูกของผู้กล่าวหาเป็นข้ออ้างในการบีบบังคับให้ทำการใช้ไขควงหรือมีดลนไฟมาทาบร่างกายตัวเองให้ผู้ต้องหาดู โดยผู้กล่าวหาอยู่ในภาวะจำยอมเนื่องจากเป็นห่วงลูกของตนเกรงว่าจะได้รับอันตราย

กระทั่งครั้งล่าสุดเมื่อประมาณวันที่ 7 ส.ค.2566 เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้ต้องหาได้บังคับให้ผู้กล่าวหาทำการถ่ายวิดีโอ โดยผู้กล่าวหาใช้โทรศัพท์มือถือถ่าย และให้ผู้กล่าวหานำมีดไปลนไฟและนำมาทาบที่น่องข้างขวาจนเกิดเป็นแผลพุพอง และให้ผู้กล่าวหาส่งให้ผู้ต้องหาดู โดยผู้ต้องหาขู่เช่นเดิมว่าหากไม่ยอมทำตามผู้กล่าวหาและลูกจะถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย อย่างรุนแรง การกระทำของผู้ต้องหาทำให้ผู้กล่าวหาได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบปรากฏว่า ตามร่างกายของผู้กล่าวหามีรอบแผลเป็นบนใบหน้า หัวไหล่ และน่องที่ขา ถือว่าเป็นแผลเป็นฉกรรจ์ตามร่างกายและหน้าเสียโฉมอย่างติดตัว

ซึ่งการฝากขัง ทั้งพนักงานสอบสวน ผู้ร้อง และผู้เสียหาย ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยตัวไปแล้วจะหลบหนียากแก่การติดตามตัวมาภายหลัง และจะข่มขู่ผู้เสียหาย

โดยศาลอาญา อนุญาตให้ฝากขังตามคำร้องทั้ง 2 สำนวน ซึ่งผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวในชั้นฝากขังนี้

-----------------------------------------

เผยเส้นทางรัก "เอ็ม-เจษฎา" พบรักบนรถไฟ เป็นรักแรกและรักเดียวของฝ่ายหญิง

หลังจากตำรวจจับกุมตัว นายส่องศักดิ์ ส่งแสง หรือเอ็ม พร้อมกับ น.ส.เจษฎา มีเพียง ภรรยา ฆ่าโบกปูนลูกวัย 2 ขวบนำไปฝังที่กำแพงเพชร ก่อนจะพบว่านายส่องศักดิ์ มีภรรยาถึง 5 คน มีลูก 10 คน เสียชีวิตไปแล้ว 5 คน หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมน.ส.เจษฎา ถึงรักนายเอ็มมาก เธอบอกว่าเป็นรักแรกพบ และรักเดียวของเธอ  

ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้สอบถามพลตำรวจตรีนพศิลป์ พูนสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปปี 2552 ขณะนั้น น.ส.เจษฎา อายุ 19 ปี เรียนอยู่ชั้นปี 2 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ แต่ช่วงปิดเทอมเธอกลับไปพักอยู่ที่บ้านในจังหวัดชุมพร แล้วพอใกล้เปิดเทอมก็นั่งรถไฟจากชุมพรกลับมากรุงเทพ

ระหว่างทางที่นั่งรถไฟกลับมาก็ได้เจอกับ น.ส.เจษฎา ที่นั่งเป็นเพื่อนร่วมทางมาตลอด จนถึงสถานีบางซื่อ น.ส.เจษฎา ต้องลงรถที่สถานีนี้ และนายเอ็ม ก็เป็นสุภาพบุรุษมาช่วยเธอยกสัมภาระลงจากรถไฟ และยังนั่งรถไฟส่งเธอถึงที่หอพัก นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอรู้สึกดีกันายเอ็ม และยอมแลกเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อกัน ได้พูดคุยจีบกันอยู่ราว 6 เดือน เธอก็ตกลงปลงใจคบกัน

ตอนนั้นนายเอ็ม ให้คำมั่นสัญญาว่า “จะดูแลไม่ให้ลำบาก” แต่ต่อมาระยะหลังเริ่มใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกาย และพอมีลูกก็ทำร้ายร่างกายลูกเช่นกัน ซึ่งนางสาวเจษฎาไม่รู้จะหาช่องทางใดหลบหนีและที่ยินยอมทำทุกอย่างก็เพราะรักนายเอ็มมาก

และนับตั้งแต่วันที่ลงจากรถไฟ จนถึงวันนี้ 14 ปี ที่ผ่านมา เธอไม่เคยรักใครอีกเลย และด้วยความรักนี้เอง ทำให้เธอเลือกที่จะยอมนายเอ็ม ทุกอย่าง แม้กระทั่งถูกทำร้ายร่างกาย และต้องทำร้ายลูกของตัวเอง ซึ่งปัจจุบันตามร่างกายของน.ส.เจษฎา มีร่องรายแผลเป็น ไม่ว่าจะเป็นที่ขา หรือแขน ที่มีรอยนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน

เธอยังยอมรับด้วยว่าที่ผ่านมาไม่เคยคิดจะแจ้งความ หรือเอาผิดสามี แม้แต่สามีนอกใจมีผู้หญิงคนอื่น เธอก็ยอมรับได้ เพราะเธอโทษตัวเอง ว่าเป็นความบกพร่องของเธอ ที่ไปทำหมัน หลังลูกชายต้องตายไปแล้ว ถึง 4 ศพ ทำให้เธอหมดอารมณ์ทางเพศ จนนายเอ็มบอกว่า นอนกับเธอ เหมือนนอนกับขอนไม้ ถึงต้องไปมีคนอื่น

ส่วนพฤติกรรมของนายเอ็ม ชอบทำร้ายร่างกายเมียกับลูก เริ่มจากนางสาวเจษฎา จะถูกตบตีเมื่อไม่พอใจ และจะยึดเงินค่าจ้างที่ไปทำงานที่ร้านก๋วยเตี๋ยว รายได้วันละ 500 บาท จะถูกยึดไว้ 400 บาท จะบังคับให้ใช้เหล็กแหลม หรือ มีด ลนไฟ ตามใบหน้าและลำตัว โดยเฉพาะแขนซ้ายที่ยังปรากฎเป็นรอบแผลเป็นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเมื่อมีคนถามจะบอกว่าเกิดจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม

อีกทั้งยังบังคับให้ช่วยจับลูก 4 ขวบเอามือไขว้หลัง ใช้สายชำระฉีดน้ำใส่ตา เมื่อถามว่าเหตุใดจึงไม่ห้ามปรามหรือแจ้งตำรวจ นางสาวเจษฎา บอกว่า ไม่กล้า เพราะกลัวตัวเองโดนทำร้ายเช่นกัน

ส่วนพฤติกรรม ที่ทำกับนางสุนัน ในช่วงที่อาศัยอยู่มี่จังหวัดกำแพงเพชร มีการทุบตีบ่อยครั้ง ซึ่งมีขาวบ้านได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

“ครั้งที่หนักที่สุด คือการจับนางสุนัน ขึงบนขื่อ แล้วใช้ไม้หรือไม้แขวนเสื้อตีเข้าตามร่างกาย ให้เกิดความทรมานจนส่งเสียงร้องโหยหวน แต่มีครั้งหนึ่งญาติเข้ามาเห็นและให้การช่วยเหลือไว้ได้ทัน”

สำหรับนางสุนัน ก็รักนายเอ็ม มากเช่นกัน แม้ว่าจะรู้ว่ามีนางสาวเจษฎา อยู่แต่ก็ยินยอม ทั้งยังเป็นคนผ่อนค่างวดรถยนต์ให้ด้วย

นางสุนัน เป็นคนที่ทราบเรื่องที่นายเอ็ม ทำร้ายลูกจนปากแหว่ง แต่ไม่สามารถเข้าไปห้ามปรามได้ เพราะจะถูกทำร้าย ด้วยการตบ และจับหัวโขกกับผนัง เหมือนที่ทำกับน้องโมเดล วัย 2 ขวบ ที่เสียชีวิต นางสุนัน อ้างว่า ที่ทนอยู่กับนายส่องศักดิ์ เพราะมีลูกด้วยกัน 3 คนด้วย

--------------------------------------

เปิดลายมือ คำสารภาพ ‘เจษฎา’ ยอมรับร่วมมือ ‘เอ็ม’ จับลูกยัดกระเป๋า ก่อนนำไปทิ้ง

ความคืบหน้าคดีพ่อโหดฆ่าลูก เมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) มีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของน.ส.เจษฎา มีเพียง ภรรยา นายส่องศักดิ์ ส่งแสง หรือเอ็ม ซึ่งเป็นคำสารภาพ โดยฉบับแรกระบุว่า

"ข้าพเจ้าชื่อเจษฎา มีเพียร อายุ 33 ปี ขอยืนยันว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ข้าพเจ้า พร้อมนายส่องศักดิ์ ส่งแสง และ ด.ญ.xxx ได้ร่วมกันนำเด็กทารกเพศชาย อายุประมาณ 2 เดือน โดยใส่กระเป๋าสีผ้าเขียว ไปทิ้งไว้บริเวณหน้าโครงการจตุจักรกรีน ถนนกำแพงเพชร 3 แขวงและเขตจตุจักร กทม."

ส่วนอีกฉบับ ระบุว่า "ข้าพเจ้าชื่อเจษฎา ขอยืนยันว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ข้าพเจ้า พร้อมนายส่องศักดิ์ ส่งแสง และ ด.ญ.xxx ได้ร่วมกันนำเด็กทารกเพศชาย อายุประมาณ 3-4 เดือน โดยใส่กระเป๋าเป้สีดำลายจุดรูปดาว ไปทิ้งไว้ใกล้พุ่มไม้แถวถนนกำแพงเพชร 3 หลังสวนจตุจักร ใกล้กับสวนรถไฟจริง โดยได้โดยสารรถตู้จากสะพานใหม่ เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2556"


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/M4X6UVyk5Yw

คุณอาจสนใจ

Related News