อาชญากรรม

ศาลสั่งปรับ 2.6 ล้าน ‘นอท กองสลากพลัส’ ยอมรับขายสลากเกินราคา อ้างสารภาพเพื่อให้จบ เชื่อไม่กระทบคดีอื่น

โดย petchpawee_k

11 มี.ค. 2566

25 views

‘นอท กองสลากพลัส’ รับสารภาพขายสลากกินแบ่งเกินราคา ศาลสั่งปรับ 2.6 ล้านบาท เจ้าตัวบอก “รับให้จบ ๆ ไป ไม่อยากเสียเวลาเดินทางมาศาลบ่อย เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่า จะได้มีเวลาไปทำคดีอื่น ๆ ที่จำเป็น” แม้ตนมองว่าสำนวนคดีนี้อ่อนมากเพราะเป็นคดีเก่าที่ ตร. เคยเข้าตรวจค้นเมื่อปี 64 แต่กลับนำมาถูกรวบรวมในพยานหลักฐานใหม่ ไล่เคาะประตูบ้านลูกค้านำมาเป็นพยาน 384 คน


วานนี้ (10 มี.ค.) ที่ศาลเเขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวง 1 นำตัวนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ไปยื่นฟ้องคดีจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาโดยนายพันธ์ธวัชเดินทางมาพร้อมทนายความ


เมื่อถึงเวลานัด นายศุภชัย เศวตกิตติกุล อัยการเชี่ยวชาญสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 1 ได้พิจารณาแล้ว จึงมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 3 ราย จากนั้นจึงนำคำฟ้องและผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อศาลแขวงพระนครเหนือทันที


นายศุภชัย กล่าวว่า วันนี้อัยการได้ส่งฟ้องผู้ต้องหา 3 คนคือ นอท กองสลากพลัส นิติบุคคล และกรรมการบริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์จำกัด ใน 2 ข้อหาคือ ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา และขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้แก่เยาวชนที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี จำนวน 510 กรรม ตามพยานที่มีการสอบปากคำพยานมากกว่า 300 กว่าคน


นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะสอบคำให้การจำเลย หากจำเลยให้การรับสารภาพศาลจะสั่งปรับและสามารถจบคดีได้เร็ว แต่หากจำเลยให้การปฏิเสธก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาล โดยจะมีการนัดสอบคำให้การและสืบพยานในชั้นศาลต่อไป แต่ว่าคดีนี้มีพยานบุคคลจำนวนมาก อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการสืบพยานนานพอสมควร


ด้านนายพันธ์ธวัช ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนขณะเดินทางไปศาลแขวงพระนครเหนือซึ่งอยู่ชั้น 2 ของศูนย์ราชการฯ สั้น ๆ ว่า ตนอยู่ในฐานะผู้ต้องหา ไม่สามารถพูดอะไรมากกว่านี้ได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้นำสำนวนการสอบสวน พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายพันธ์ธวัช หลังจากได้ตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์การขายสลากกินแบ่งเกินราคา 2 งวด คือ งวดวันที่ 16 มี.ค.65 และงวดวันที่ 30 เม.ย.65 /โดยทั้ง 2 งวด พบว่ามีผู้ซื้อทั่วประเทศ 4,214 ราย แต่ตำรวจติดตามได้และได้รับความร่วมมือ 384 ราย จากการกระทำความผิดทั้งหมด 406 กรรม จึงได้สรุปสำนวนคดีส่งอัยการนำตัวผู้ต้องหามายื่นฟ้องศาลในเมื่อวานนี้(10 มี.ค.)


ต่อมา  14.00 น. นอท พันธ์ธวัช เปิดเผยหลังเสร็จสิ้นกระบวนการในชั้นศาลว่า ตนได้ให้การยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาในชั้นศาล และศาลได้พิจารณาสั่งปรับเป็นจำนวนเงิน 2,672,000 บาท จากความผิดทั้งหมด 510 กรรม


โดยที่ตนยอมรับสารภาพ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวนมาโดยตลอดนั้น เป็นการยอมรับให้คดีจบๆ ไป เพราะไม่อยากเสียเวลาเดินทางมาศาลบ่อย เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่า แม้ตนจะมองว่าสำนวนคดีนี้อ่อนมากก็ตาม เพราะเป็นคดีเก่าที่ตำรวจเคยเข้าตรวจค้นแล้วเมื่อปี 2564 แต่กลับนำมาถูกรวบรวมในพยานหลักฐานใหม่ โดยการไปไล่เคาะประตูบ้านลูกค้านำมาเป็นพยาน 384 คน จาก 4,000 กว่ารายการ


ทั้งนี้ ในสำนวนคดีนี้เป็นการดำเนินคดีจากการขายสลากฯ ตั้งแต่ช่วงก่อนวันที่ 1 เมษายน 2564 ที่ตนยังขายสลากฯ ในรูปแบบเก่า โดยไม่ได้แยกบิลค่าบริการออกจากค่าสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ชัดเจน จึงถูกนำมาเป็นช่องในการดำเนินคดี


ส่วนคดีที่สำนักงานกินแบ่งรัฐบาลฟ้องดำเนินคดีกับตนเองที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เป็นการฟ้องคนละส่วนกัน โดยฟ้องการขายสลากฯ ในช่วงที่ตนเปลี่ยนมาขายรูปแบบใหม่ ที่แยกบิลค่าบริการออกจากค่าสลากฯ ไว้แล้วอย่างชัดเจน ดังนั้นในคดีนั้นตนจะยังต่อสู้อยู่ /ในส่วนของการจะเปิดแพลตฟอร์มขายลอตเตอรี่ออนไลน์ใหม่นั้น นอท เผยว่า ขอให้เป็นเรื่องของอนาคตตอนนี้อยู่ระหว่างต่อสู้ในหลายๆ คดีที่ตัวเองถูกสั่งฟ้องอยู่


ขณะที่ นอท พันธ์ธวัช โพสต์แจ้งผลคดีขายสลากเกินราคา ระบุว่า “คดีที่ตัดสินวันนี้ คือคดีที่ตำรวจไปเคาะประตูบ้านลูกค้า 4,200 คดีทั่วประเทศ แต่มีลูกค้าผมให้ปากคำเพียง 300 กว่าคน ซึ่งเป็นคดีที่เกิดขึ้น เมื่อเดือนมีนาคม 2564 ซึ่งผ่านมาจะหมดอายุความแล้วในวันที่ 24 มีนาคม นี้แล้ว ตอนนั้นผมขายสลากแบบมีค่าบริการ แต่เรารวมค่าบริการเข้าไปเลยโดยไม่ได้แจกแจงรายละเอียดให้ชัดเจน ซึ่งเราเคยโดนจับและปรับมาแล้ว 1 ครั้ง โดยตำรวจปรับกรรมละ 5,000 บาท รวม 250,000 บาท ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร ตำรวจถึงไปรื้อเรื่องนี้มาทำอีก ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเจ้าทุกข์ และการสอบสวนก็ไม่รัดกุมเรียบร้อย


คดีนี้ถ้าผมจะสู้คงสู้ได้ แต่หลังจากที่คิดดูแล้ว คดีนี้ไม่ได้มีผลต่อคดีอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่ากองสลากพลัสไม่ได้ทำผิด ผมจึงตัดสินใจรับสารภาพเพื่อให้จบเรื่องนี้ไปจะได้มีเวลาไปทำคดีอื่น ๆ ที่จำเป็น โดยศาลสั่งปรับผมเป็นจำนวนเงิน 2,672,000 บาท คดีนี้ใช้เวลาทำเพียง 1 เดือนกับ 10 วัน”


โพสต์ก่อนหน้านั้น นอท ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า นี่คือคำฟ้องที่สั้นที่สุดที่ผมเคยเจอ พนักงานสอบสวนทำสำนวนได้ละเอียดจริม ๆ “จำนวนกี่ฉบับไม่ปรากฎชัด โดยจำหน่ายในราคารวม 196 บาท” สำนวนแบบนี้ผมจะสู้ไหวไหมเนี่ย สมมุติเค้าซื้อไป 3 ฉบับ นี่ตกฉบับละ 65.3 บาท มันเกินราคาตรงไหน ตำรวจทำสำนวนแบบนี้ไม่กลัวโดนฟ้องกลับเลยใช่ไหมเนี่ย



รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/6BgrmUoTGkc


คุณอาจสนใจ

Related News