อาชญากรรม

นำตัว 'หยู ซินฉี' ค้นบ้านเพิ่ม เตรียมแจ้ง 3 ข้อหา 'ชูวิทย์' ชี้ ตร.ต้องตั้งข้อหา ม.112 แอบอ้างเบื้องสูง

โดย passamon_a

19 ก.พ. 2566

62 views

เมื่อวันที่ 18 ก.พ.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และ สน.คันนายาม คุมตัว นาย หยู ซิน ฉี ประธานมณฑลส่านซี สมาคมแห่งประเทศไทย ออกจากห้องกักภายในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สวนพลู หลังจากที่ได้เชิญตัวนายหยู ไปสอบสวนเมื่อวันที่ 17  ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อไปค้นหาพยานหลักฐาน ในกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และนายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล เปิดเผยเรื่องราวว่า มีการจัดตั้งสมาคมไม่ถูกต้อง และมีการแอบอ้างเบื้องสูง และผู้นำประเทศ ในการแสวงหาผลประโยชน์


โดยเจ้าหน้าที่ตรวจค้น 2 จุด จุดแรกตรวจค้นบ้านพัก ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนถนนจตุโชติย่านวัชรพล-วงแหวน ซึ่งเป็นที่พักของนายหยู จากการตรวจค้นพบเอกสารสำคัญ และรูปถ่ายนายหยู กับบุคคลสำคัญ จำนวนมาก โดยตำรวจสืบสวนได้นำเอกสารที่อยู่ในบ้าน และรถยนต์ของนายหยู ไปตรวจสอบเรื่องการจัดตั้งสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งการแอบอ้างในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งตำรวจก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปพอสมควร และอยู่ระหว่างการรวมรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในวันจันทร์ที่ 20 ก.พ.นี้


และจุดที่สอง ตรวจค้นที่ตั้งมณฑลส่านซี สมาคมแห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากซอยเสนานิคม 1 ซ.6 โดยจุดนี้ไม่พบหลักฐานสำคัญแต่อย่างใด


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดพยานหลักฐานเอกสารสำคัญ รวมถึงภาพถ่ายของนายหยู ที่ถ่ายรูปคู่กับบุคคลสำคัญ ตลอดจนหลักฐานการเรี่ยไรเงิน ที่นายหยู นำไปใช้แอบอ้าง ซึ่งการที่เขาสามารถเปิดสมาคมได้ สำหรับคนจีนด้วยกันถือว่าการตั้งสมาคมเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ มีหน้ามีตา จากนั้นเขาจะสมาคมเป็นฉากหน้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้คนจีนด้วยกันได้เห็น ก่อนจะมีการถ่ายรูปบุคคลสำคัญ ถ่ายรูปผู้ใหญ่ เพื่อนำไปใช้กระทำความผิดหลอกคนจีนในไทยเพื่อเรี่ยไรเงิน


จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับนายหยู ประกอบไปด้วย 3 ข้อหาหลัก คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร, การตั้งสมาคมเถื่อนหรือจัดตั้งสมาคมโดยไม่มีใบอนุญาต อย่างไรก็ตามเพิกถอนวีซ่าของนายหยู เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนของทางพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลคันนายาว ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยชาวจีนรายนี้จะต้องถูกดำเนินคดีในไทย และจะทำการผลักดันออกนอกประเทศ พร้อมกับขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์เป็นการถาวร ห้ามเดินทางเข้าประเทศอีกต่อไป


ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความระบุว่า "ตม. โดดเด่น จีนเทา แปลงวีซ่า ข้อมูลชุด "หยู ซินฉี" ที่เก็บไว้ชุดสุดท้าย ถูกส่งต่อให้ใช้อภิปรายในสภา ได้ผลตามคาดการณ์ไว้ เพราะ "ดาวสภา" ส.ส. โรม แสดงการปกป้องสถาบันจากการแอบอ้างของจีนเทา ฉายา "ดร.ฉี" ได้ดีเยี่ยม


ทันทีที่ผมพูดเปรยช่วงก่อนหน้านี้ มันขนสมาคมหนี ส่งคนไปดูอยู่เสนา ป้ายหายทันที ผมแกะรอยจึงพบว่าไปอยู่ที่หมู่บ้านที่ส่งให้ตำรวจไปจับ โดนไป 3 ข้อหา พรบ.คอม, เรี่ยไร และตั้งสมาคมเถื่อน ไอ้ฉี เป็นจีนเทาอีกจำพวก ที่สร้างเรื่องราวของตัวเองว่าเป็นผู้สร้างสัมพันธ์จีนไทย เก่งอย่างโน้นอย่างนี้ บรรยายสรรพคุณในเว็บไซต์ภาษาจีน


ข้อหาที่ 4 บอกได้เลยว่า บิ๊กโจ๊กต้องตั้ง "ม.112" อันนี้ชัดเจนกว่าไปตั้งให้เด็กนักศึกษา เพราะเอาตัวเองไปใกล้ชิด และเขียนไว้ว่าได้มอบของขวัญให้ผู้ที่คนไทยรักเทิดทูน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เหตุเกิดที่งาน "เมาริดกลาง" กรุงเทพฯ ต่างหาก


ไอ้ฉี ใช้ "วีซ่าท่องเที่ยว" แล้วมาแปลงเป็น "วีซ่าเกษียณ" ที่ชลบุรี ทั้งๆ ที่ตัวอยู่กรุงเทพแท้ๆ เหมือนกับที่ "จีนเทา" รู้ว่าต้องไปทำวีซ่า นักศึกษา อาสาสมัคร แถวอีสาน ส่วนวีซ่าเกษียณทำแถวภาคกลาง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา บรรดา "จีนเทา" รู้ได้อย่างไร? ก็มาจากการฮั้วกันของ เอเย่นต์ กับ ตม. เพราะค่าหัวในการทำมีการจัดสรรทั่วถึงรายหนึ่ง ราคา 200,000 บาท

ในราคานี้รวมถึงการไม่ต้องไปพบ ตม. ด้วยตัวเอง และเงินขั้นต่ำที่ระบุไว้ว่าต้องมี หากจะมาทำวีซ่าประเภทเกษียณอายุ แสดงในบัญชี 800,000 บาท ก็โกหกทั้งเพ เพราะเป็นการบริการของเอเย่นต์ เอาเงิน 800,000 บาท เข้าบัญชีไว้ในวันแสดงให้ ตม. ดู เสร็จแล้วถอนออกจากบัญชีทันที แค่ให้เห็นชื่อผู้ขอวีซ่ากับสมุดบัญชีมีเงิน 800,000 บาท ไม่ได้ดูเลยว่าฝากมานานหรือยัง


เรื่องบานปลายมาถึงขนาดนี้ ทั้ง ตม. อีสานที่ผมเคยแฉไปช่วงตู้ห่าว ฉาวโฉ่มาถึง "ไอ้ฉี" แอบอ้างเอาสถาบันมาหากินกับคนจีน ทุกคนล้วนผ่านกระบวนการ "โดดเด่น" ของ ตม. ทั้งสิ้น ทำให้จีนเทาพาเหรดกันเข้าเมืองไทย ด้วยผลประโยชน์ของ ตม. แต่เสียหายกับประเทศ แปลงวีซ่าได้ตามใจชอบ อยู่กรุงเทพไปทำวีซ่านักเรียนที่ สกลนคร ขอนแก่น ทำท่าเอาขนมให้เด็กกิน ก็ได้วีซ่าอาสาสมัคร ทำมาหากินแอบอ้างสถาบันก็ขอวีซ่าเกษียณ เงินไม่มีจริง แค่จ่าย 200,000 ก็เรียบร้อยโรงเรียนจีนเทา


ประเทศไหนเขาทำแบบนี้กันบ้าง? และไม่เคยพบเห็นประเทศอื่นว่า ตม. ไปขึ้นกับตำรวจเพราะเป็นงานความมั่นคง ตำรวจงานมากอยู่แล้ว โลกเปลี่ยนไป แต่ก่อน หลายอย่างขึ้นอยู่กับตำรวจจนงานท่วมหัว แนะนำว่า ตม. ต้องไปขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย เพราะหากปล่อยแบบนี้ไป ได้ จีนเทา อินเดียเทา รัสเซียเทา สารพัดเทาเข้ามาประเทศไทย


ตม. ไทย เปิดประตูอ้าแขนรับสารพัดต่างชาติเทา แต่บ้านเมืองจะมีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับต่างชาติยังไงไม่สน เพราะปล่อยเข้าแล้วเป็นอันหมดเรื่อง แถมต่อให้อีกต่างหากด้วยวิธีการพิสดารในราคา 200,000 บาท แบ่งสรรปันส่วนกันลงตัวตลอด จนต่างชาติเทาๆ ทั้งหลายแผลงฤทธิ์อย่างที่ผมเอามาแฉ รัฐบาลช่วยยกเครื่อง ตม. ออกจากตำรวจทีเถอะ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว ทุกวันนี้ รายได้ ตม. โดดเด่นเสียเหลือเกิน"



ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/FSAZLNAU2Co

แท็กที่เกี่ยวข้อง  หยูซินฉี ,ชูวิทย์กมลวิศิษฎ์

คุณอาจสนใจ

Related News