‘สายไหมต้องรอด’ พาแจ้งความ หลังแม่ร้องลูกชาย ม.1 ถูกรุ่นพี่ ม.3 บังคับสูบกัญชา หมดสติ-หัวใจหยุดเต้น

นักเรียน ม.1 ถูกพี่ ม.3 บังคับสูบกัญชา หมดสติ หัวใจหยุดเต้น ด้านผอ.โรงเรียน ชี้แจง ไม่ได้ละเลย ล่าสุดสายไหมพาเข้าแจ้งความแล้ว 

วานนี้ (วันที่ 10 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวฟ้า เดินทางพร้อมเด็กชาย เอ (นามสมมุติ) เยาวชนอายุ 14 ปี พร้อมหลักฐานเข้าร้องขอความช่วยเหลือต่อ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด หลังลูกชายถูกรุ่นพี่ ในโรงเรียนเดียวกันบังคับให้สูบกัญชา จนน็อกหัวใจหยุดเต้น จนต้องปั๊มหัวใจพารักษาที่โรงพยาบาล

โดยเด็กชายเอ เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี ซึ่งช่วงดังกล่าวยังอยู่ในเวลาเรียน ขณะที่ตนเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็พบว่าในห้องน้ำมีควันลอยขึ้นมา ตนจึงรู้ว่าในห้องน้ำดังกล่าวมีการสูบกัญชากันเพราะเป็นที่รู้กัน แต่เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ ขณะที่กำลังจะเดินออกเพื่อย้ายไปเข้าห้องน้ำฝั่งอื่น รุ่นพี่ ม.3 จำนวน 3 คนที่สูบกัญชาอยู่ในห้องน้ำ  ก็ได้เดินออกมาเรียกพร้อมลากตัวตนเองเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่รุ่นพี่จะบังคับให้สูบกัญชาจากบ้องกัญชา ที่รุ่นพี่เตรียมไว้ ซึ่งตนเองพยายามปฏิเสธ แต่รุ่นพี่ไม่ยอม พร้อมเอาสิ่งของบางอย่างที่ไม่ใช่กัญชาใส่เข้าไปในบ้องกัญชาด้วย

พร้อมบอกว่าพี่มีอีกเป็นถุงๆ ก่อนจะบังคับให้ตนสูบจนครั้งแรกสำลัก และรุ่นพี่ยังได้บังคับให้สูบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะปล่อยตนออกไปจากห้องน้ำ ตนพยายามเดินกลับห้องเรียน แต่มีอาการมึนหัวอย่างรุนแรง เริ่มเห็นภาพเบลอ และปวดท้อง ก่อนจะเดินไปอาเจียน และเพื่อนได้พาไปนอนที่หลังห้องเรียน ซึ่งขณะนั้นตนเริ่มจะไม่รู้สึกตัว แต่ได้ยินเสียงว่ามีคนพูดว่า อย่านอนถ้านอนจะอ้วก แต่ตนไม่รู้ว่าใคร แต่ตนบอกแค่ว่าไม่ไหวแล้วขอนอน

ก่อนจะภาพตัดไม่รู้สึกตัวอีก และมารู้สึกตัวว่ามีคนกดหน้าอกและได้ยินเสียงคุณครูคนหนึ่งก่อนจะสลบไป และรู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล

ทั้งนี้ทีมข่าวได้รับข้อมูลว่า ห้องน้ำของโรงเรียนดังกล่าว พบว่าตอนเช้ากับตอนพักเที่ยง ทั้งห้องน้ำหญิง ห้องน้ำชาย เด็กนักเรียนเข้ามาดูดกัญชาควันเต็มไปหมดทุกวัน

นางสาวฟ้า ระบุว่า หลังเกิดเรื่องตนได้รับสายจากเพื่อนของลูกว่า ลูกชายไม่สบาย ให้รีบมาที่โรงเรียน ก่อนที่ขณะตนกำลังเดินทางไป ได้มีสายโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกว่าให้ไปที่โรงพยาบาล

เมื่อตนถึงโรงพยาบาล ทางแพทย์ เจ้าของไข้ลูกชายได้บอกว่าให้ทำใจเพราะลูกชายหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว ก่อนที่ทีมแพทย์จะได้ช่วยกันปั๊มหัวใจ จนลูกชายกลับมาหัวใจเต้นอีกครั้ง ตลอดระยะเวลาที่ลูกชายพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตนได้พยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปกับทางโรงเรียน ซึ่งในตอนแรกครูที่ปรึกษาได้มีการบอกว่า รู้ตัวรุ่นพี่ที่บังคับให้ลูกชายสูบกัญชาในครั้งนี้แล้ว ก่อนที่เมื่อตนพยายามโทรตามเรื่อง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อทางโรงเรียนได้ เนื่องจากทางโรงเรียนมีกิจกรรม จนต่อมาสามารถติดต่อกับทาง ผู้อำนวยการโรงเรียนได้อีกครั้งในช่วงสายๆวันอาทิตย์ เพื่อสอบถามว่าทราบเรื่องที่เกิดขึ้นหรือยัง

 ซึ่งทาง ผอ. แจ้งว่ารับเรื่องแล้ว ซึ่งตนได้สอบถามไปว่าเรื่องเกิดขึ้นขนาดนี้ทำไมทางโรงเรียนจึงไม่มีการติดต่ออะไรกับตนเลยหรือ

ต่อมาผู้อำนวยการโรงเรียนได้ติดต่อมาอีกครั้งว่าทางโรงเรียนตรวจสอบแล้วพบว่า ลูกชายตนเองไปซื้อกัญชามาจากรุ่นพี่ ม.2 และเอามาเสพเอง เอาอุปกรณ์มาเอง และน็อกเอง ทางโรงเรียนมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดของห้องน้ำที่เกิดเหตุ ซึ่งตนเองได้พยายามสอบถามเพื่อขอตรวจสอบกล้องดังกล่าว แต่ทางโรงเรียนไม่มีการให้ตนเองได้ดู และทางโรงเรียนยังมีการบอกว่าลูกชายตนเองมีการใช้กัญชามานานแล้วไม่เคยมีใครบังคับ  ตนเองจึงได้สอบถามกลับไปว่าทำไมทางโรงเรียนจึงกลับกรอกไปมาแบบนี้ แต่ไม่ได้คำตอบ จึงตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือ

เพราะหลังเกิดเรื่องตนเองรู้สึกว่าลูกชายไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากทางโรงเรียน ซ้ำยังมีการถูกกล่าวหาว่าลูกชายเป็นคนเสพกัญชาด้วยตนเองจนถึงขั้นน็อกทั้ง ๆ ที่มีครูมาบอกกับตนเองในตอนแรกว่าเป็นการถูกบังคับ

ซึ่งคิดว่าครอบครัวตนจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการที่ทางโรงเรียนพยายามปกปิดความผิดเพื่อป้องกันความเสียหายไปถึงตัวโรงเรียนแต่กลับโยน ความผิดให้กับลูกชาย รวมถึงตลอดระยะเวลาการรักษาไม่เคยมีคนของทางโรงเรียนเดินทางมาหาลูกชายตนเองที่โรงพยาบาลแม้แต่ครั้งเดียว ซ้ำลูกชายตนเองยังถูกรุ่นพี่กลุ่มที่บังคับให้เสพกัญชาส่งแชท มาบังคับข่มขู่ให้ลูกชายตนเองรับสารภาพว่าเป็นผู้เสพกัญชาเพียงคนเดียว ไม่ให้มีการเอ่ยชื่อถึงรุ่นพี่ทั้งสามคน ยิ่งทำให้ตนเองและลูกชายยิ่งเกิดความกลัวจนปัจจุบันไม่สามารถไปโรงเรียนได้

ขณะที่นายสำรวย วัฒนวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.ลพบุรี พร้อมผู้บริหารที่รับผิดชอบ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นได้ทำการสอบถามนักเรียนทั้งผู้เสียหายและผู้ที่ถูกกล่าวอ้างแล้ว

ทางโรงเรียนจึงขอชี้แจงว่า เราได้ส่งครูไปติดต่อสอบถามอาการน้องและพูดคุยตลอด จนกระทั่ง น้องออกจากโรงพยาบาลวันนี้เราก็ยังโทรติดต่อแต่ทางผู้ปกครองยังไม่รับสาย ความจริงแล้วทางโรงเรียนไม่ได้ละเลยได้ติดตามช่วยเหลือ และได้นำกระเช้าไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลและส่งครูไปติดตามสอบถามอาการอย่างต่อเนื่อง

ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วและเบื้องต้นได้พูดคุยกับรุ่นพี่สองคนแล้ว   บอกว่าไม่ได้บังคับเพียงชักชวนก็ตามไป ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดก็เห็นตอนน้องออกมาจากห้องน้ำแล้วมาอาเจียน ส่วนตอนสูบกัญชาในห้องน้ำไม่เห็น เพราะข้อจำกัดของกล้องวงจรปิดไม่สามารถติดตั้งในห้องน้ำได้

ด้านคุณครูที่รับผิดชอบห้องพยาบาลของโรงเรียน เปิดเผยถึงอาการของน้องเบื้องต้นว่า ได้รับแจ้งว่าน้องมีอาการอาเจียนและหมดสติจึงได้ไปตรวจสอบ และพบว่าน้องมีอาการช็อกหมดสติ จึงรีบช่วยเหลือปั๊มหัวใจและรีบติดต่อโรงพยาบาลมารับตัวน้อง และได้โทร.แจ้งผู้ปกครองให้ทราบ มาเจอกันที่โรงพยาบาลและอยู่ดูอาการน้องกับได้พูดคุยกับผู้ปกครองตลอดเวลาถึงอาการน้อง จนหมอแจ้งว่าน้องอยู่ในอาการที่ต้องเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด

ล่าสุดวานนี้ เมื่อเวลา 18.10 น. นายเอกภพ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พาแม่และน้องเข้าแจ้งความที่ สภ.โคกสำโรง ลพบุรี ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงการที่มาแจ้งความในวันนี้นั้นคุณแม่แจ้งความใคร ซึ่งแม่น้อง ม.1 ตอบว่าแจ้งความเอาผิดกับทางโรงเรียนที่ปล่อยปละละเลย จนลูกตนเองเกือบตายและหลังจากนี้น้องก็คงจะไม่ได้เรียนที่นี่อีก เพราะกลัวและมีความกังวลหลายเรื่อง จนจำเป็นต้องร้องเพจสายไหมต้องรอด โดยลัดขั้นตอนของการชี้แนะเนื่องจากกลัวเรื่องจะเงียบหายไป

 ซึ่งทางนายเอกภพ กล่าวว่าเรื่องนี้สำคัญมาก ไม่อยากให้ทางโรงเรียนปัดความรับผิดชอบ เพราะนี่เป็นเรื่องความเป็นความตาย เพราะน้องถึงขั้นมีอาการหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ต้องนอนรักษาตัวที่ รพ. ถึง 5 วัน 6 คืน  และยังต้องกลับมาดูอาการต่อที่บ้าน วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาลยังมีอาการมึนทำให้ตกมอเตอร์ไซค์อีกด้วย และยังต้องเข้าพบหมอตามนัดเพื่อเช็กระบบประสาทและระบบหัวใจอีก โรงเรียนจะมาปัดความรับผิดชอบไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะทางด้านน้องก็ได้ให้การชัดเจนว่ากัญชาและบ้องกันชานั้นเป็นของรุ่นพี่จริง และถูกบังคับให้สูบ

 ขณะที่นางสาวสุวัจนา ตรีรส นักสังคมสงเคราะห์วิชาการ พมจ.ลพบุรี. ได้เข้าร่วมรับฟังเก็บข้อมูลและจะได้ลงพื้นที่พบกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และจะดูถึงความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เบื้องต้นได้แนะนำให้ครอบครัวของน้องอยู่ในความดูแลของ พม.ชั่วคราว จนกว่าจะสรุปถึงสาเหตุที่แท้จริงของเหตุดังกล่าว

ด้านพันตำรวจโทสมเกียรต สุชล รองผู้กับการสอบสวน สภ.โคกสำโรง เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งความแล้วทางตำรวจจะได้ดูตามขั้นตอนกฎหมาย เรื่องการแพร่ระบาดยาเสพติดจะจัดทีมฝ่ายสบสวนลงพื้นที่เข้าไปหาข้อมูลการจำหน่ายยาเสพติดให้กับเยาวชนเพื่อรวบรวมหลักฐานดำเนินการตามชั้นตอนของกฎหมายต่อไป

https://youtu.be/ZiBgxDUDOcA