‘ชูวิทย์’ แฉอีก ขบวนการล้มคดีทั้งล็อบบี้-วิ่งเต้น พร้อมเผยคลิป จีนสีเทา ซ่อนยาหลบตำรวจ

ยังเป็นมหากาพย์การแฉไม่จบสิ้น เกี่ยวกับแก๊งทุนจีนสีเทาคดีตู้ห่าว ล่าสุดวานนี้ ( 6 ม.ค.66 ) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์  ได้ออกมาโพสต์ ข้อความในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับคดีตู้ห่าวเพิ่มเติมอีกเรื่อง  “กระบวนการล้มคดี” โดยระบุข้อความว่า

“เมื่อเป็นคดีใหญ่ เข้าสู่กระบวนการตั้งแต่ตำรวจจับ ตั้งทีมสืบสวนสอบสวน ทำสำนวนส่งให้อัยการตรวจ และส่งศาลพิจารณาคดี ในระหว่างนั้น มักจะมีข่าววงในว่ามีการ “วิ่งเต้น” หรือ “เคลียร์”

แม้ตัวจะอยู่ในคุก ก็มีการติดต่อขอ “ประกันตัว” บวกลบคูณหารยังไง ใครๆ ก็ยอมจ่ายดีกว่าหากจบ หรืออย่างน้อยตัวเองได้ออกมาสู้คดีนอกคุก

มีการล็อบบี้ โดยเริ่มจากสำนวนตำรวจรั่ว กล่อมด้วยเงินให้สำนวนอ่อนระทวย โทรหาตำรวจอ่านให้ฟังก่อน อวดให้ได้ยินกับหูไม่งั้น คนอย่างตู้ห่าวคงไม่ประกาศก้องว่า “ไปดูที่ภูเก็ต จับกูได้หรือเปล่า? มีเงินทำได้ทุกอย่าง (ในประเทศไทย)”

หรือจะเอาขนาดหิ้วสำนวนออกมาข้างนอกให้เห็นก่อนว่า “ของแท้” ก็ทำได้ แล้วมาดูจุดรั่ว หนักผ่อนเป็นเบา ส่วนที่เบาเอาให้หาย เมื่อสำนวนไปถึงอัยการ เช็คดูว่ากองคดีไหน?

แล้วจะมีอัยการทุจริตบางคน เรียกรับเงินเพื่อกำหนดทิศทางการสั่งคดี โดยไปประสานงานภายใน เป็นที่รู้กันว่าสายเทา ติดต่อได้ผ่านทนายความ เข้าทำนอง “วัดครึ่งกรรมการครึ่ง” แบ่งกันระหว่างทนายกับอัยการ


อาจแทรกซึมด้วยการเอาอัยการที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีมาร่วมสอบสวน โดยติดต่ออัยการที่รับผิดชอบคดี พยายามนำตัวเองเข้าไปพัวพันในการสอบคดีใหญ่ๆ เช่น แวะไปหากาแฟกิน หรือชวนมากินเหล้า เข้าอาบอบนวด หากไม่ ก็จะเสนอไปถึงระดับใหญ่ขึ้นไป การให้ “ถุงขนม” รับเป็นเงินสดเท่านั้น ถูกนำไปมอบให้ถึงที่ โดยไปเจรจาจบที่ “อาบอบนวด” แห่งหนึ่งย่านรัชดา

สมัยก่อนอยู่ในเครือของนายกำพล ได้แก่ “เดอะลอร์ด” ถึงขนาดตั้งออฟฟิศในห้องสูทเหมากันทั้งเดือน โดยเจ้าของ นายกำพล มักมานั่งจนสนิท อัยการคนนั้นชื่อย่อ “ช” เรียกเคลียร์กันเป็นล่ำเป็นสัน  มีชื่อเสียงในวงการวิ่งคดี ประสานงานให้อัยการไม่สั่งฟ้อง ส่งสำนวนกลับไปให้ตำรวจลงความเห็นไม่ขัดแย้งจ่ายสองส่วนไปกลับ แบบเหมารวมทีเดียวจบครบทั้งสองฝ่าย

ปัจจุบันเดอะลอร์ดปิด เพราะเครือข่ายนายกำพลค้าเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จนถูกยึดทรัพย์หนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่เขมร

แต่วิ่งเคลียร์โดยใช้อัยการคนเดิม เอาลูกเมียกลับมาไทยได้ เช่นเดียวกับคดี บอสกระทิงแดง ขณะนี้ย้ายไปตั้งออฟฟิศแห่งใหม่ ในห้องสูทที่ “มาเรีย” อาบอบนวดย่านรัชดา ใครอยากวิ่งคดี ไปติดต่ออัยการ “ช” ได้  เรื่องนี้อัยการทุกคนทราบดี เพราะชื่อเสียงโด่งดัง เป็นอัยการเทาจัดจนอัยการดีๆ เสียหาย  เมื่อกระบวนการไปถึงศาล จะมีนายตำรวจเก่า เกษียณแล้วชื่อย่อ “จ” ยศพลตำรวจตรี

คอยรับวิ่งเต้น ทำตัวสนิทสนมกับผู้พิพากษา หากินเรื่องวิ่งเต้นคดีอีกทอด  อ้อ.. แต่คนจนๆ ไม่มีเงิน ไม่มีโอกาสนะครับ เฉพาะคนมีเงินเท่านั้น คนอย่าง “ตู้ห่าว” ถึงได้ประกาศทุบโต๊ะว่า  “คนมีเงินทำอะไรก็ได้ ไอ้…เอ๊ย"

---------------------------------------

ก่อนที่ต่อมา นายชูวิทย์ จะโพสต์คลิปวิดีโอภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมข้อความระบุว่า

“ซ่อนยา”  ชูวิทย์ โปรดักชั่น ภูมิใจเสนอ  “ยุทธการบุกจับจินหลิง” ตอน “ทีม บชน. จ๋า ยาอยู่ไหน?”  วันบุกจับวันแรก คือวันสำคัญที่สุดของการปราบอาชญากรรมทุกประเภท หลักฐานต่างๆ ต้องไม่ให้ขยับ และเก็บให้ครบถ้วน  ไม่ใช่จะเป็นนายตำรวจใหญ่ไว้แค่เดินแอ็คอาร์ทตรวจพื้นที่โชว์ผลงาน

แต่ต้องวางแผนกับทีมให้รัดกุม ขั้นตอนต้องมีหน่วยสอดแนมเข้าไปในสถานที่ก่อน เพื่อติดต่อให้หน่วยเหนือทราบสถานการณ์ภายใน ความเคลื่อนไหว จำนวนคน การเก็บยาเสพติด  ต้องมีการวางแผนร่วมกันเป็นทีม กับกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด หน่วยคอมมานโด กำลังคนต้องพร้อม


แต่ไม่มี…


ยิ่งสถานที่ใหญ่ ยิ่งต้องวางแผนรัดกุม จะบุกเข้าทางไหน ใครทำอะไร แบ่งเป็นทีมย่อย แต่เท่าที่เห็นในคลิปผ่านไป 100 คลิป จาก 1,500 คลิป  ทีม บชน. ไม่ได้มีแผนอะไรเลย ผมจะทะยอยให้เห็นความมั่วเรื่อยๆ  เหมือนไปไล่จับ “จิ๊กโก๋ตีกันในงานวัด” เสียมากกว่า บุกเข้าไปดุ่ยๆ กำลังตำรวจมีไม่พอกับจำนวนคน ทั้งจีน ทั้งพนักงานเสิร์ฟ ทั้งหญิงบริการ และผู้ต้องสงสัยอื่นๆ อีกมากภายใน “จินหลิง”

จากภาพในคลิปแสดงให้เห็นว่า พวกจีนเทายังมีเวลาเอายาเสพติดไปซ่อน คอยสอดส่องดูตำรวจ คลิประบุเวลา 00.38 น. ซึ่งตำรวจบุกเข้าไปแล้ว แต่พวกมันยังเอายาไปแอบตามหลืบตามซอก แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หลังจากนั้นผ่านไปอีก 4 ชั่วโมง ในเวลาระบุ 04.56 น. ตำรวจมาตรวจค้น แล้วยังไปนั่งทับ คุยกันอยู่บนยาที่จีนเทาซ่อนเอาไว้อีก นี่ขนาดผ่านไป 4 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่รู้เรื่อง

อย่างนี้มิน่าเล่า ถึงทิ้งหลักฐานไว้ 2 เดือน ไม่ได้ไปค้น


ชิบหายแล้ว พังไม่เป็นท่า!

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/X-BXJBMSKvg