อาชญากรรม

เปิดผลชันสูตรร่างกาย 'น้องเจ้าขา' - 'น้องพีพี' พร้อมฝากขังแม่-พ่อเลี้ยง คัดค้านการประกันตัว

โดย weerawit_c

4 ก.ย. 2565

12.7K views

จากกรณีที่ น้องพีพี เด็กชายวัย 2 ขวบ ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต และน้องเจ้าขา เด็กหญิงวัย 3 ขวบ บาดเจ็บสาหัส จากการถูกแม่และพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกาย โดยทางพ่อและย่าได้เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.บางบัวทอง  



ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (3 ก.ย.) ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ควบคุมตัว น.ส.ณัธรวิชณ์ ณ ปัตตานี อายุ 27 ปี แม่แท้ๆ ของน้องเจ้าขา เด็กหญิงวัย 3 ขวบ และนายทินกร กมลศิลป์ อายุ 29 ปี แฟนคนใหม่ของ น.ส.ณัธรวิชณ์ ไปฝากขังยังศาลจังหวัดนนทบุรี หลังถูกออกหมายคดีร่วมกันทำร้ายร่างผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส พร้อมคัดค้านการประกันตัว



ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองคน ถูกสอบปากคำอย่างเคร่งเครียดตลอดทั้งคืน และปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าไม่ได้เป็นผู้ทำร้ายเด็กทั้งสองคน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองเชื่อว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับทั้งคู่ และล่าสุดผลการชันสูตรร่างกายของเด็กทั้ง 2 คนแล้ว จึงแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเพิ่ม ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย



ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหาออกมาจากห้องขังในโรงพักเพื่อเดินไปขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้องหา ผู้สื่อข่าวพยายามย้ำถามถึงสาเหตุที่น้องเจ้าขาถูกทำร้ายอีกครั้ง เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองรายมีท่าทีนิ่งเฉย ไม่ตอบคำถามใดๆ กับผู้สื่อข่าว ก่อนจะเดินขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้องหาไปยังศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อฝากขัง



ด้าน พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า ได้ผลการชันสูตรร่างกายของเด็กทั้ง 2 คนแล้ว จึงแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเพิ่ม ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย โดยมีหลักฐานคือผลชันสูตรโดยละเอียด สำหรับคดีน้องพีพีจึงสามารถแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มได้ โดยผลชันสูตรแจ้งรายละเอียดว่ามีสภาพการถูกทำร้ายร่างกายทั่วร่างกาย



ส่วนบาดแผลที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตคือที่ท้อง ขั้วลำไส้หลุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าสอบปากคำแพทย์อย่างละเอียดอีกครั้งว่าที่ขั้วลำไส้หลุดจนเสียชีวิตสาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง ซึ่งสามารถดำเนินคดีได้จากบาดแผลที่พบทั่วตัวเด็ก



โดยตั้งข้อกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ผลชันสูตรเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับมาหลายวันก่อนหน้าแต่เปิดเผยไม่ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องในสำนวน ซึ่งได้รายงานผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้ว



พ.ต.อ.พฤฒ กล่าวว่า สำหรับผลการตรวจร่างกายของน้องเจ้าขา ออกมาในลักษณะเดียวกัน คือมีบาดแผลทั่วตัว ที่สำคัญบริเวณอวัยวะเพศ ต้องขอสอบปากคำแพทย์ก่อน รายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบ ตอนนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องทำร้ายร่างกาย เบื้องต้นในรายงานเขียนไว้ว่าไม่พบเชื้ออสุจิ ไม่มีการล่วงละเมิดทางเพศ



เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากการสอบสวนอย่างละเอียดยังทำได้ไม่หมด และจากพฤติกรรมคนร้ายมีท่าทางว่าจะไปยุ่งกับหลักฐาน สำหรับคดีของเด็กทั้งสองตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงแจ้งข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนตลอด



ขณะที่นางอนันต์ ผู้เป็นย่าของน้องพีพี และ น้องเจ้าขา กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลานของย่าน่ารักไม่เคยงอแง เอาหลานมาไม่เท่าไหร่ แต่สภาพร่างกายถูกทำร้ายทั้งตัว แล้วผลชันสูตรน้องพีพีขั้วลำไส้ขาดมีเลือดคั่งในช่องท้องแบบนี้หรอที่มาบอกว่าน้องนอนหลับตาย ยังจะบอกปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตายของน้อง ส่วนน้องเจ้าขาโดนกระทำเหมือนไม่ใช่คน แม่น้องทำไมถึงปล่อยให้คนอื่นทำลูกแบบนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อยากให้ประหารชีวิตทั้งคู่



ทั้งนี้ ตนแจ้งความตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ถ้าย่ากับพ่อไม่มาร้องขอให้คุณทนายช่วยเหลือจะไม่มีทางรู้เลยว่าน้องโดนอะไรมาบ้าง เจ้าหน้าที่ทำอะไรกันอยู่ ทั้งๆ ที่คุณหมอให้เอกสารไปตั้งนานแล้ว หรือเป็นเพราะไม่ใช่ลูกหลานคุณ ถึงไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ ถึงย่ากับพ่อจะไม่รู้กฎหมายแต่ย่าไม่ยอมเด็ดขาด



ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีนี้ นางสาวณัธรวิชณ์ ผู้เป็นแม่ของหนูน้อยทั้งสองคนถูกแจ้งข้อกล่าวหาคือร่วมกันทำร้ายผู้อื่น (น้องพีพี) จนถึงแก่ความตาย ร่วมกันทำร้ายผู้อื่น (น้องจันทร์เจ้าขา) จนได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายทินกร พ่อเลี้ยงถูกแจ้ง 3 ข้อหาคือ 1.ร่วมกันทำร้ายผู้อื่น (น้องพีพี) จนถึงแก่ความตาย 2.ร่วมกันทำร้ายร่างกาย (น้องจันทร์เจ้าขา) จนได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส และ 3. กระทำอนาจาร



ส่วนในวันนี้ (4 ก.ย.) เวลา 11.00 น. ทางทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมจะพาย่าและพ่อของน้องพีพีและน้องเจ้าขา เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง เพื่อดำเนินคดีกับนายทินกรพ่อเลี้ยงเด็กในข้อหาข่มขืนเพิ่มเติมอีกหนึ่งข้อหา



โดยช่วงเย็นวานนี้ (3 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปบ้านเอื้ออาทร บางบัวทอง1 พบกับคุณยายที่อยู่ในตึกเดียวกัน กล่าวว่า ตนได้ยินเด็กร้องเสียงดังทุกวัน ร้องแบบโดนทำร้ายเจ็บปวดทรมาน ซึ่งได้ยินทุกคืน บางครั้ง 4-5 ทุ่มก็จะร้องอยู่เรื่อย น้องร้องกรี๊ดแบบเจ็บปวด เคยขึ้นไปดูแต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ เพราะประตูล็อค ได้แต่ฟังเสียงร้องอยู่ข้างนอกแล้วฟังแต่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเหตุการณ์แบบนี้นี้เป็นมา 2-3 เดือน



ตนเคยสอบถามว่าลูกเป็นอะไรถึงร้องคำตอบที่ได้จากพ่อเลี้ยง อ้างว่าแปรงฟันให้ลูกบ้าง หรือแหย่เล่นกับลูกบ้าง ซึ่งตนก็เคยเตือนไปว่าเล่นแบบนี้ไม่ได้เพราะหนวกหูคนอื่น ต้องหลับต้องนอน



โดยช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้เห็นน้อง ที่เห็นล่าสุดคือน้องผู้หญิงหน้าตามีรอยเขียวช้ำ ตนถามว่าน้องไปโดนอะไรมาก็ได้คำตอบว่าหกล้ม ส่วนเด็กผู้ชายตั้งแต่มาอยู่ไม่เคยเห็นออกจากห้อง จะอยู่ในห้องตลอด มารู้อีกทีตำรวจบอกเสียชีวิตไปแล้ว



ทั้งนี้ ตนยังเห็นชายหัวโล้น อ้างว่าร่างกายป่วยติดเตียง แต่ที่จริงเข้ายังเคลื่อนไหวได้ และตาบอด โดยอาศัยอยู่ห้องเดียวกัน ซึ่งตนสงสัยว่าได้ยินเสียงเด็กร้องทุกคืน ทำไมไม่ทำอะไร ตนยังเคยเตือนพ่อและแม่ให้ระวัง อาจทำไม่ดีกับลูกได้ ซึ่งหลังเกิดเหตุชายคนนี้ก็หายไปเลย



ด้านนายบรรจง วรีฤทธิ์ ประธานนิติบุคคล กล่าวว่า ทั้งคู่แจ้งตนเข้ามาอยู่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พอเข้ามาอยู่ก็ได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านว่าได้ยินเสียงเด็กร้องตลอด ตนจึงเข้าไปตรวจสอบ โดยเท่าที่ตนดูเด็กมีรอยฟกช้ำที่ตา ที่ใบหน้าเขียวบวม ตนก็ถามว่ามีใครทำอะไรกับลูกหรือเปล่า และเตือนอย่าทำทารุณกรรมกับลูกมันผิดกฎหมาย เขาก็ตอบมาว่าไม่ได้ทำ ซึ่งทั้งคู่ถูกจับก็โล่งใจ เพราะทั้งคู่ไม่ควรทำกับเด็กแบบนี้


รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/O-fjkkhjzuc

คุณอาจสนใจ

Related News