ผู้การนครปฐม ขอโทษสังคม ปม ตร.สามพราน กระทืบ 3 วัยรุ่น - ครอบครัวแจ้งเอาผิดตำรวจ

กรณี 2 ตำรวจสามพราน กระทืบ 3 วัยรุ่น ครอบครัววัยรุ่น แจ้งความเอาผิดตำรวจ ข้อหาทำร้ายร่างกาย ด้านผู้การนครปฐม ขอโทษสังคม ระบุดำเนินคดีทั้งวินัย อาญา ไม่ละเว้น ขณะที่ผู้บัญชาการภาค 7 สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบทั้งหมด จ่อให้ออกจากราชการ ชี้การกระทำของตำรวจในคลิป ไม่ใช่ยุทธศาสตร์การจับกุมคนร้าย


นางเดือนเพ็ญ โพธิ์น้อย อายุ 51 ปี แม่ของนายไอซ์และนายเก้า สองวัยรุ่นที่ถูกทำร้ายร่างกาย เปิดเผยว่า กรณีลูกชายโดนทำร้ายร่างกาย วันที่เกิดเหตุได้รับโทรศัพท์จากตำรวจโทรมาแจ้งว่า ลูกชายถูกจับมาและถูกทำร้ายร่างกายให้มาเซ็นเอกสารและรับตัวที่โรงพัก ตอนนั้นตัวเองก็กังวลและเป็นห่วงว่าลูกชายจะติดคุกหรืออะไรไหมก็รีบไปถึงโรงพัก ซึ่งตอนนั้นตำรวจพูดคุยกับตัวเองดีมาก ตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่ซ้อมลูกชายคือตำรวจในโรงพัก


แต่หลังจากนั้นก็ได้คุยกับลูกชายที่ รพ. ลูกบอกว่า ตำรวจเป็นคนซ้อม ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้เชื่อลูก เพราะยังไม่ได้เห็นคลิปวงจรปิด จึงบอกให้ลูกเงียบ รักษาอาการบาดเจ็บก่อน และกลับมารักษาตัวที่บ้าน นายไอซ์และนายเก้า เริ่มมีอาการทรุดต้องกลับไป รพ.อีกรอบ นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลหลายวัน ก่อนที่จะมารักษาตัวต่อที่บ้าน


ตอนนั้นไม่ได้ถามลูกอีกว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตนก็ทำงานหาเช้ากินค่ำ จนกระทั่งมาเห็นคลิป แทบจะเป็นลม ทำไมตำรวจป่าเถื่อน ทำกับลูกตนไม่ใช่คน ลูกไปขอความช่วยเหลือ แต่กลับกระทืบ โหดเหี้ยมเกินคน ไม่คิดว่าตำรวจจะทำแบบนี้ ไม่มีความเมตตากับเด็ก ขนาดร้องขอชีวิตก็ยังทำ หากลูกแม่ทำผิดก็จับดำเนินคดี ไม่ใช่มากระทืบ


แม่ของน้องยังบอกกับทีมข่าวว่า ตัวเองไม่อยากให้ตำรวจนั้นแค่ย้ายออกจากพื้นที่อยากขอให้ตำรวจที่ก่อเหตุ ออกจากราชการและถูกดำเนินคดีเหมือนกับประชาชนคนอื่น ๆ แต่ตนไม่มีฐานะ และไม่มีความรู้ จึงไม่กล้าที่จะไปแจ้งความ หรือสู้คดีกับตำรวจ อยากขอความเป็นธรรมกับสังคมและขอความยุติธรรมให้กับลูกชายด้วย


หลังจากให้ข้อมูลกับทีมข่าวแล้ว คุณแม่ก็ตัดสินใจ จะแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจที่ก่อเหตุ จึงพานายไอซ์ และนายเก้า เดินทางไป สภ.สามพราน เมื่อไปถึงก็มีทนายอาสา ที่รับทราบข่าว ขอเป็นทนายให้กับคุณแม่ โดยทนายก็สอบถามข้อมูล และพาไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจทั้งสองนาย ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น และแจ้งความกรณี ถูก จยย. ไม่ทราบกลุ่มตามทำร้าย จนทำให้ต้องไปขอความช่วยเหลือกับตำรวจ และเกิดเหตุการณ์ในคลิป


ด้าน พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม แถลงข่าวชี้แจง ระบุว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอโทษสังคมและยอมรับผิด ที่ตำรวจทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม เหตุที่เกิดขึ้นนั้น ยอมรับว่าตำรวจทำไม่ถูกต้อง


ซึ่งในวันเกิดเหตุ ร.ต.อ.ไชยพจน์ โคตรสำราญ รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม และ สิบตำรวจตรีพนาดร ช่างเขียน ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรสามพราน ออกตรวจ จับกุมกลุ่มวัยรุ่น รวมตัวแข่งรถจักรยานยนต์ จึงขับรถตรวจ และพบเหตุวัยรุ่นขับย้อนศรมา และตรวจค้นพบอาวุธปืน ส่วนกรณีการทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมนั้น ยังไม่ทราบเหตุผลว่าเพราะอะไร ขอสอบสวนก่อน


ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่ ร.ต.อ.ไชยพจน์ อาจจะเข้าใจว่ากลุ่มวัยรุ่นนี้เป็นกลุ่มเด็กแว้น จึงก่อเหตุดังกล่าว พล.ต.ต.ชมชวิณ บอกว่าก็อาจจะเป็นไปได้ ที่เข้าใจผิด แต่หากระบุตอนนี้ จะเป็นการเข้าข้างตำรวจ ขอให้สอบสวนก่อน ซึ่งโดยส่วนตัวก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงมีการทำร้ายร่างกายกัน ซึ่ง ร.ต.อ.ไชยพจน์ นั้น จะเกษียณในปีนี้ จึงไม่ทราบสาเหตุที่ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม


ส่วนการสอบสวน ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว และมีคำสั่งย้ายให้นายตำรวจทั้ง 2 นาย ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ ทางตำแหน่งเดิม และจะมีการสอบสวนตำรวจทั้ง 2 นาย หากพบว่าเข้าข่ายความผิดใด ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เป็นคดีอาญาต่อไป


ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะต้องสอบปากคำผู้เสียหาย ในคดีนี้ด้วย ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเพิ่งทราบข่าวจากทางสื่อ แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยซักถามจากปากของผู้เสียหายโดยตรง เพราะวัยรุ่นที่ถูกจับกุมและถูกทำร้าย เป็นเยาวชน ดังนั้นจึงต้องสอบแบบสหวิชาชีพ เพื่อให้ได้ข้อมูลทั้ง 2 ฝ่ายมาประกอบกัน


สำหรับจุดที่เกิดเหตุนั้น ปกติสถานที่ดังกล่าวจะมีการแข่งขันรถจักรยานยนต์ซิ่ง สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน และในวันเกิดเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรมา จึงอาจจะเข้าใจผิด


ด้าน พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เจริญวิชยเดช ผู้กำกับการ สภ.สามพราน กล่าวว่า ตนเองในฐานผู้บังคับบัญชาโดยตรงของตำรวจทั้ง 2 นาย  รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องยอมรับว่าดูแลลูกน้องไม่ดี ทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวเด็กและภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


โดยในวันเกิดเหตุทางตำรวจได้รับร้องเรียนว่า มีตำรวจกระทำการเกินกว่าเหตุต่อผู้ที่ถูกจับกุม จึงรวบรวมหลักฐาน และไปสอบถามจากนิติบุคคลดังกล่าว ยืนยันเจ้าหน้าที่ไม่เคยไปขอให้ลบคลิปวงจรปิด เพราะไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ภาพของตำรวจดีขึ้น การสอบสวนผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 2 นาย ไม่ว่าจะมีข้อแก้ตัวอย่างไร ก็จะรับฟั  รวมทั้งข้อมูลในฝั่งของผู้เสียหาย ก็ต้องรวบรวมให้ครบถ้วนเช่นเดียวกัน


สำหรับประวัติของ ร.ต.อ.ไชยพจน์ จะเกษียณภายในเดือนตุลาคมนี้ ประวัติการทำงานที่ผ่านมา ไม่เคยมีประวัติไม่ดี เป็นที่รักของประชาชน และเพื่อนร่วมงาน หลังเกิดเหตุนี้ก็ได้เข้ารายงานตัวกับผู้กำกับแล้ว ก็ยอมรับผิดกับเหตุที่เกิดขึ้น


ส่วนกรณีกระแสข่าวว่า การที่นำคลิปนี้มาเปิดเผย แม้จะเกิดเหตุมานานแล้ว ซึ่งอาจจะมีการกลั่นแกล้งกันของตำรวจหรือไม่ ประเด็นนี้ ผู้กำกับ สภ.สามพราน บอกว่า ไม่น่าจะเป็นจริง เพราะตำรวจ สภ.สามพราน ทุกคนรักกัน และไม่มีใครทำร้ายกัน


ทีมข่าวพยายามติดต่อตำรวจทั้งสองนาย แต่ไม่สามารถติดต่อได้ โดยเพื่อนร่วมงาน ให้ข้อมูลว่า ตำรวจทั้งสองนาย ย้ายออกไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังจากที่เป็นข่าว เมื่อวานนี้ ตำรวจในโรงพักไม่มีใครทราบเรื่องมาก่อนจนมารู้เรื่องก็ตอนคลิปเผยแพร่ พอเห็นแล้วก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่า ร.ต.อ.ไชยพจน์ จะเป็นแบบนี้ เพราะตลอดเวลาการทำงานที่ผ่านมาเจ้าตัวเป็นคนดี จิตใจดี และพูดดี ไม่เคยมีท่าทีแบบนี้มาก่อน ซึ่งตอนนั้นก็ต้องไปดูว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างทำให้เจ้าตัวต้องแสดงออกแบบนั้น


ขณะที่ พลตำรวจโทธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยภายหลังประชุม ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีคำสั่งย้ายตำรวจทั้งสองนายไปปฏิบัติงานที่ศูนย์ปฏิบัติตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และตั้งกรรมการสืบสวนจ้อเท็จจริง เหตุใดจึงเกิดเหตุนี้ โดยต้องสอบตั้งแต่ผู้กำกับและผู้เกี่ยวข้องทุกคน ซึ่งคาดว่าจะสอบสวนเสร็จภายใน 1-2 วันนี้ หากพบว่ามีการทำผิดตามคลิป ก็จะต้องพิจารณาโทษทั้งอาญาและวินัย โดยอาจจะถึงขั้นให้ออกจากราชการ


ส่วนยุทธศาสตร์การจับกุมคนร้ายนั้น ตอนแรก ที่ตรวจค้น และให้นอนราบตรวจค้น และพบว่ามีอาวุธปืน นั้นทำถูกต้อง แต่การที่ควบคุมตัวโดยใส่กุญแจมือพันธนาการอยู่ แล้วไปทำร้ายร่างกายแบบนั้น ไม่ใช่ยุทธวิธีการจับกุมคนร้าย ตำรวจไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายใคร แม้ว่าเขาจะเป็นคนร้ายคดีฆ่าคนตายหรือคดีอะไร ไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายได้ เมื่อควบคุมตัวแล้วต้องนำมาสอบสวนและดำเนินคดี

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/RAxJiP-8SQc