อาชญากรรม
เปิดจุดแตกหัก ‘มาดามอ้อย’ แฉ ‘ทนายตั้ม’ หลอกซื้อรถ 13 ล้าน เอาไปให้จีนเทาเช่า
โดย olan_l
29 ต.ค. 2567
204 views
รายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ แฉเพิ่ม ‘มาดามอ้อย’ เปิดจุดแตกหักรถเบนซ์ 13 ล้าน ‘ทนายตั้ม-เศรษฐีนี’ ฝากซื้อรถแต่เอาไปให้จีนเทาเช่า
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ ทางเพจเฟซบุ๊ก "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ได้โพสต์คลิป EP3 "เปิดกลเกมทนายมหาเสน่ห์ หลอกลงทุนหวยออนไลน์ ดูดเงิน 2 ล้านยูโร" ซึ่งมีความยาวประมาณ 9.24 นาที
ในคลิป เจ๊อ้อย และเลขาน้อย ระบุว่า เรื่องรถเกิดขึ้นก่อนที่จะให้เงิน 2 ล้านยูโร ตอนนั้นยังรักกันอยู่ เขาไปคุยที่เมืองนอก เขาไปกราบ หลังจากเอาใบอันนั้นไป เขาได้เงินแล้ว ไปกราบ บอกขอบคุณพี่ ถ้าไม่มีพี่ผมแย่มาก ผมต้องผิดคำพูดผู้หลักผู้ใหญ่อะไรของเขาก็ไม่รู้
ส่วนเรื่องทำโปรเจกต์ 2 ล้านยูโร ผ่านคุณน้อย เพราะว่าพี่อ้อยโอนเงินเข้าบัญชีพี่ที่เมืองไทย เงิน 2 ล้านยูโรเข้าบัญชีผ่านเมืองไทย แล้วก็เอาผ่านบัญชีพี่อ้อยจากกรุงศรีฯ เข้าบัญชีเขาที่กรุงศรีฯ ปากช่อง
โดยเจ๊อ้อย กล่าวว่า ทางเขาเสนอโปรเจกต์ทำลอตเตอรี่พลัส ว่าเปอร์เซ็นต์แบบนี้ๆ นะ เงินต้นอยู่ ได้แต่กำไร เขาบอกว่าเดี๋ยวมีผู้ใหญ่เขาให้การ เดี๋ยวนอทเจอข้อหา ต้องโดนแน่ ต้องเด้ง แล้วเดี๋ยวเค้าเข้าไปเสียบ โดยเขาเอ่ยชื่อ สมศักดิ์ เทพสุทิน ตอนนั้นเขาอยู่กระทรวงยุติธรรม และก็พยายามพาพี่อ้อยไปเจอนักการเมืองที่ฮ่องกง ซึ่งเจอที่ฮ่องกงคือนายอนุทิน ชาญวีรกูล แต่ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเขานัดไว้ เจอที่โรงแรมเพนนินซูล่า ฮ่องกง ซึ่งพักโรงแรมเดียวกัน เพราะเขาเป็นคนซื้อตั๋วซื้ออะไรเองหมดเลย แต่มาเบิกกับคุณน้อย ซื้อตั๋วไปตรงกันเปี๊ยะเลย แล้วแนะนำให้รู้จักกับนายอนุทิน และท่านก็พาไปทานข้าว และก็มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และก็มีผู้หญิงอีกคนอ้วนๆ ทั่ชื่อกระปุก สงสัยเป็นเลขาคุณอนุทิน เพราะเขาทำงานกับคุณอนุทิน เขาสนิทกันมากตอนนั้น แต่ตอนนี้ไม่ทราบแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ ที่เจอกันปี 66 เพราะตอนนั้นโอนเงินไปแล้ว ยังไปมาหาสู่กัน เป็นใกล้ๆจะเลือกตั้งแล้ว ที่เค้าไปหาทักษิณที่ฮ่องกง
โดยที่เขาอ้าง เขาอ้างว่านอทจะต้องเจอข้อหาโน่นนี่นั้น ไม่ได้เข้ามาทำแล้ว แล้วอ้างว่า "นายคนนี้" ซึ่งไม่รู้นายคนไหน จะเอา ต.เสียบเข้าไปให้ทำ และต้องการเงินตัวนี้ เขาโทรให้คุยกับนายสมศักดิ์ โทรให้เราเห็นหน้า เราก็ไม่ได้สนใจดู แต่ตนไม่ได้อัดเสียงอะไร
ในคลิปมีการถามว่าแล้วเค้าเสนอว่าผลประโยชน์ตอบแทนอย่างไร อย่างลอตเตอรี่ซื้อมา 80 บาทขายได้เปอร์เซ็นต์ หรือเวลามาขึ้นเงินก็หัก 2% ซึ่งต้องใช้โปรแกรม แต่เราไม่เคยเห็น เงินโอนไปก่อนที่เขาจะเอาโปรแกรมมาเสนอ เลขาน้อย บอกว่า เค้าแค่มาพูดโปรเจกต์ แล้วเค้าจะมาตั้งเบิกก่อน เหมือนอย่างจะซื้อที่ 58 ไร่ เค้าก็จะขอเงินมัดจำก่อน 17 ล้านบาท แต่ตนเองไม่ได้มัดจำ
ส่วนที่มาของจำนวนเงิน 2 ล้านยูโรมาจากไหน เค้าบอกหรือว่าอะไร เจ๊อ้อย และเลขาน้อย บอกว่า เขาบอกจำนวนนี้เลย 2 ล้านยูโร และเขาบอกว่าไม่เยอะหนิ ก่อนจะกล่าวว่า "ไม่เยอะ แต่ไม่คืน" หลังจากนั้นเราก็รอเวลา ถามตั้มว่าไปถึงไหนแล้ว เขาก็บอกว่านอทยังทำสลากพลัสอยู่ เห็นข่าว นอทก็ยังโฆษณาสลากพลัสอยู่ ตนก็ถามว่า ไหนไม่เห็นเขาโดนข้อหาคดีอะไรเลย
และเขาก็เอาสัญญาว่าจ้างมาให้ตอนหลัง ว่าจ้างอีกบริษัทนึง ในการเขียนแอพพลิเคชั่นขึ้นมา เป็นแอพพลิเคชั่นนาคี ตอนนั้นที่เอาไปให้เซ็นก็จะมีทนายของทีมสำนักงานกฎหมายเขาไปด้วย 2 คน คือทนายน้ำ และคนขับรถ 1 คน ไปให้พี่อ้อยเซ็นที่บ้านที่ชีวา
ส่วนแอปฯนาคี เราไม่รู้เรื่องนี้เลย รู้แต่ว่าโอนเงินให้ทนายตั้มเพียงอย่างเดียว 2 ล้านยูโร หลังจากนั้นก็ไม่เคยเจออะไรเลย
เมื่อถามว่าเหตุการณ์อะไรที่คิดว่าถูกโกงแล้ว ทั้งคู่บอกว่า จากเรื่องรถเบนซ์
ส่วนกรณีที่ไปแถลงข่าวที่สำนักงานษิทรา ทั้งคู่บอกว่า อย่าให้เล่าเลยเรื่องนี้ฉุนมาก ยอมออกมาให้เค้าด่า เมื่อถามว่าถูกขอร้องให้มา เลขาน้อยบอกว่า เค้าไม่ได้ขอร้องหรอก แต่เค้าขอให้พี่อ้อยพูดพูดการันตีช่วยผมหน่อยว่าเงินพวกนี้ มาจากพี่อ้อยทั้งหมด ที่กินหรูอยู่ดี เราก็ซื่อ ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นเกมของเขา ก็ให้ใจ พี่ไม่ได้เตรียมอะไรกันเลย และมีที่สีรูปว่าให้ตำรวจไปยกกระเป๋าที่สนามบิน วันนั้น ก็ไม่รู้เรื่องยังแย้งกับตำรวจอยู่เลย ว่าไม่ต้องมายก ตอนนั้นตกใจว่าทำไมตำรวจต้องมายกกระเป๋า
นอกจากนี้ พี่น้อยยังอ่านข้อความที่อ้างว่าทนายตั้มส่งมาให้ทางแอปพลิเคชันสนทนาในโทรศัพท์มือถือ โดยระบุว่า เขาบอกว่าโปรเจกต์นี้เหมือนเป็นสัมปทาน ไม่ใช่ว่าจะเอาใครเข้าไปก็ได้ เพราะผู้ใหญ่เขารักและเอ็นดูผมมาก เขาก็เลยอยากให้ผมมีธุรกิจตัวนี้ ซึ่งเป็นข้อความที่ตนแคปไว้ตั้งแต่จะเอาตังพี่อ้อยไป เขาบอกว่าถ้าไม่ได้เงิน 2 ล้านยูโร เขาเสียผู้ใหญ่แน่ๆ เพราะเขาคุยกับผู้ใหญ่ไว้แล้วด้วย เขาฝากพี่น้อยคุยให้หน่อย ผมนี่กลุ้มเลย
นี่คือเคสแรกที่เป็นเงินก้อนจำนวนมาก นอกนั้นก็มีแบบบอกเป็นตัวเลขมา เช่นเรื่องรถเบนซ์ ตนก็โอนเป็นเงินก้อนไป แต่ไม่เคยได้ใบเสร็จ ไม่เคยได้อะไร สมมติบอก 13 ล้าน ก็โอน 13 ล้าน
ขณะที่ เฟซบุ๊กเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" แจ้งว่า "สำหรับ EP.4 วันที่ (29-10-67) ร้อนระอุตอน บ่าย 3 เปิดที่มาจุดเเตกหัก ทนายเสน่ห์หา VS เศรษฐินี"
จากนั้นเมื่อเวลา 15.00 น. เพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ได้โพสต์คลิป และ ข้อความระบุว่า "EP.4 เปิดปม จุดแตกหักรถเบนซ์ 13 ล้าน "ทนายตั้ม - เศรษฐีนี" รถเขาฝากซื้อ แต่เอาไปให้จีนเทาเช่า เหลี่ยมทุกดอก แล้วบอกรักเหมือนครอบครัว... รอฟังคลิป ต่อไป EP.5 เมื่อไหร่เดี๋ยวบอก กดติดตามสนธิทอล์คไว้ทุกแพลตฟอร์ม เพราะยังมีอีกยาววววว"
โดยเจ๊อ้อย ได้เล่าให้ทีมข่าวของคุณสนธิฟังว่า จุดแตกหักของเธอกับทนายดัง คือ เหตุการณ์ไปเที่ยวฟินแลนด์ คือ ตนเก็บความรู้สึกเรื่องรถเบนซ์G400ราคา โดยตนได้มาส่งทนายฯขึ้นเครื่องที่ฝรั่งเศส ทำใจดี ใจเย็นเข้าไว้ เพราะทนายดังได้มาเบิกเงินกับน้อยเลขาไป 13 ล้านบาท ซึ่งเจ๊อ้อยตั้งใจจะนำรถมาใช้ช่วงที่กลับมาเมืองไทย ต่อมาน้อยเลขาได้ติดตามทวงเล่มทะเบียนรถยนต์ที่ได้จ่ายเงินไปเป็นปีแล้ว ซึ่งคุณน้อย เลขาเป็นผู้โอนชำระเงินมัดจำไปที่ศูนย์จัดจำหน่ายรถยนต์ 500,000 บาท แต่ใบเสร็จใดๆก็ไม่ได้ และเงินซื้อรถทั้งหมดคุณน้อยได้โอนไปที่บัญชีทนายฯ 13 ล้านบาทถ้วน มีหลักฐานเป็นใบเปย์อิน จากนั้นคุณน้อยได้ตรวจสอบกับศูนย์ฯ เจ้าหน้าที่แจ้งว่ารถยนต์ยังชำระเงินไม่หมด เมื่อความแตก ทนายฯไม่พอใจโทรมาต่อว่าคุณน้อย
คุณน้อยระบุว่าตนจึงเป็นผู้ติดตามเอาทะเบียนรถจากศูนย์ฯด้วยตัวเอง ซึ่งมีการวีดีโอคอล ยืนยันตัวตนว่าเป็นเจ๊อ้อยเจ้าของรถตัวจริง ภายหลังได้ตรวจสอบราคากับ ศูนย์เบนซ์อีกแห่งพบว่าราคารถคันที่ซื้อ ราคาเพียง 9 ล้านกว่าบาท จากนั้นทนายฯได้ให้ใบเสร็จ ซึ่งไม่ใช่ใบเสร็จตัวจริง ระบุราคา 12.9 ล้านบาท
จากนั้นคุณอ้อยเล่าเหตุการณ์เดินทางไปพัทยาเพื่อดูเรือยอร์ช 300 ล้านบาท คุณน้อยได้ขับรถเบนซ์คันนี้พาคุณอ้อยไปพักที่ ฮิลตัน พัทยา ปรากฎว่า รปภ.บอกว่า รถคันนี้มีจีนเทาเอามาปล่อยขาย ทะเบียนเดียวกัน เคยมาที่นี่และมากร่าง ซึ่งทำให้สงสัยว่าทนายดังเอารถไปให้จีนเทาเช่าด้วยหรือไม่
เจ๊อ้อยระบุว่า รถเบนซ์คันนี้ตนยังไม่เคยขับไปไหน 2 เดือน ไมล์พุ่งไป 10,000 กิโลเมตรแล้ว โดยไม่มีการถ่ายน้ำมันเครื่องให้ด้วย ที่ผ่านมาทนายฯเป็นคนเอาไปใช้ เคยทวงรถมาขับเอง เพราะคนขับรถเราขับได้ถึงแม้จะเป็นคนบ้านนอกหน่อย แต่ทนายก็อ้างว่าเขาขับได้เหรอ ซึ่งเจ๊อ้อยยืนยันว่าจะเอากลับไปจอดไว้ที่บ้านตน
คุณน้อย กล่าวเพิ่มเติมว่า เคยทวงกุญแจ ทนายอ้างว่ามีดอกเดียว จนกระทั่งมีการยื่นโนติสต์ทวง ซึ่งการติดตามรถคืน ต้องไปเอากุญแจรีโมท คืนที่ ศาลจ.นนทบุรี โดยทนายอ้างว่ามีคดีที่นั่น ที่ผ่านมาทนายดังยังเป็นตัวกลางให้เจ๊อ้อยซื้อรถบริจาค เช่น รถ Ambulance รถตู้ รถสองแถว จะซื้อเป็นชื่อทนายก่อน แล้วค่อยโอน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พัทยาทำให้เริ่มสงสัย จนได้ไปเที่ยวฟินแลนด์จึงกลายเป็นจุดแตกหัก นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินอีกหลายอย่างที่สงสัยซึ่งยังไม่ได้เปิดเผย
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/I5HwENSPe-g