สรุปเหตุการณ์ รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ครู-นร. บาดเจ็บ-เสียชีวิต สูญหายอีก 23 คน

อุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษาพานักเรียนจากจ.อุทัยธานี มาดูงาน กฟผ. เกิดไฟไหม้ทำให้ครู-นักเรียนภายในรถถูกไฟคลอกเจ็บ-เสียชีวิตหลายราย

อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นช่วงเที่ยงครึ่งที่ผ่านมา บริเวณเลนขวาสุดของช่องเลนด่วน ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงหัวโค้งหน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบรถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี จอดติดอยู่กับเกาะกลางถนน ในสภาพที่มีเพลิงลุกไหม้เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกือบ 40 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้

จากนั้นมีภาพความเสียหายภายในรถออกมา 1 ในภาพที่สะเทือนใจ คือภาพของนักเรียนหญิงชั้น ม.ต้นคนหนึ่ง ถูกไฟคลอกตามร่างกายอาการสาหัส ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือลงมาจากรถอย่างทุลักทุเล

หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ คือ นาย ไกรเลิศ อิสวัสดิ์ เล่าว่า ขับรถมาคู่กับรถบัสดังกล่าว รถบัสคันนี้ขับตามมาต่อกันมา 3 คัน แต่รถคันที่เกิดเหตุเป็นคันที่ 2 เขาสังเกตเห็นว่ามีควันขึ้นจากหลังคารถ จึงจอดรถเพื่อที่จะหาถังดับเพลิง เป็นจังหวะที่รถเมล์ขับผ่านพอดี จึงได้โบกรถเมล์ให้จอดแล้วเอาถังดับเพลิงมาดับ ทุกคนพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่อยู่ด้านใน แต่ว่าไฟมันแรงมาก ใช้เวลาเพียง 4 นาที ไฟถึงโหมทั้งคัน จึงถอยออกมาก่อน ตอนนั้นมองไม่เห็นว่า มีเด็กอยู่ในรถมากน้อยแค่ไหน และไม่ได้ยินเสียงเด็กร้องเลย แต่เห็นเด็ก 2 คนวิ่งออกมามีไฟท่วมทั้งตัวพร้อมกับครูอีก 1 คน

ขณะที่นาย ปรีชา เมืองจันทร์ นักการภารโรงของโรงเรียนที่มาในรถบัสคันที่ 3 บอกว่า รถคันเกิดเหตุได้รับนักเรียนและครูไปทัศนศึกษาที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุยางรถด้านหน้าซ้ายเกิดระเบิด จากนั้นรถก็เสียการควบคุมไปชนกับแบริเออเกาะกลางทำให้เกิดไฟไหม้ ซึ่งไหม้ช่วงกลางรถบัสอย่างรุนแรง และเห็นเด็กนักเรียนบางคนวิ่งออกมาจากรถบัส สอบถามเจ้าที่กู้ภัย บอกว่ารถคันที่เกิดเหตุยางแตกไปเฉี่ยวต่อกลางทำให้เสร็จโดนถังก๊าซที่อยู่กลางคันทำให้เกิดไฟลุกท่วม

ขณะที่นาย เอกนรินทร์ ฉลาด ครูประจำชั้นป.5 รร.ที่เกิดเหตุ บอกว่า เขานั่งมาในรถคันที่ 1 เมื่อช่วงเช้าได้ไปทัศนศึกษาที่อยุธยาและกำลังเข้ามาดูนิทรรศการที่การไฟฟ้า ฝ่ายผลิต ระหว่างทางไม่ได้ยินเสียงระเบิดหรือเสียงอะไร แต่แปลกใจที่ไม่สามารถติดต่อครูที่อยู่ในรถคันที่สองได้ จึงวนรถกลับมาแล้วเจอว่ารถเกิดเพลิงไหม้แล้ว

ทีมข่าวอาชญากรรมพูดคุยกับอาสาสมัครกู้ภัยที่ปฏิบัติหน้าที่ในจุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบร่างผู้เสียชีวิต จำนวน 13 ราย แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเด็กกี่รายและครูที่เป็นผู้ใหญ่กี่ราย โดยสภาพผู้เสียชีวิตนั้นถูกไฟครอกไหม้เกือบทั้งหมดและนอนกองเสียชีวิตกันอยู่บริเวณท้ายรถซึ่งมีอุปสรรคสำคัญ คือ แก๊ส NGV จากรถบัสยังคงรั่ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องฉีดน้ำ เพื่อลดอุณหภูมิและไล่แก๊สออกให้หมด ซึ่งหากสามารถแก้ปัญหาเรื่องแก๊สรั่วได้ ก็จะสามารถลำเลียงนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากซากรถบัสคันดังกล่าว

ล่าสุดเมื่อประมาณบ่าย 2 โมงครึ่งที่ผ่านมา พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานขึ้นไปตรวจสอบบนซากรถเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมร่วมวางแผนกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และกู้ภัยในการเข้าตรวจสอบซากรถ เพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตลงมา โดยให้ทหารอากาศนำสแลนสีเขียวมาปิดกั้น ป้องกันไม่ให้ภาพที่ไม่เหมาะสมปรากฏต่อสาธารณชน

สำหรับยอดของนักเรียนและครูที่เดินทางมา จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่กู้ภัยระบุว่า เป็นนักเรียน 38 คน ได้แก่ นักเรียนอนุบาล 2 จำนวน 2 คน เจอตัวทั้งคู่ อนุบาล 3 จำนวน 4 คน อยู่ครบ ป.1 จำนวน 7 คน เจอตัวแล้ว 3 คน อยู่โรงพยาบาล 1 คน และสูญหาย 3 คน ป.2 จำนวน 6 คน อยู่ครบ ป.3 จำนวน 7 คน อยู่โรงพยาบาล 1 คน สูญหาย 6 คน ป.4 จำนวน 6 คน สูญหายทั้งหมด ม.2 จำนวน 2 คน สูญหายทั้งคู่ ม.3 จำนวน 4 คน อยู่โรงพยาบาล 1 คน สูญหาย 3 คน และครู 6 คน เจอแล้ว 3 คน สูญหาย 3 คน ได้แก่ น.ส.พิมพ์ทอง น.ส. ศรัญญา และ น.ส.กนกวรรณ  เท่ากับว่า มีผู้สูญหายรวม 23 คน ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจจะเสียชีวิตทั้งหมด

ทีมข่าวอาชญากรรม ได้เจอกับคุณกอล์ฟ ญาติของน้องปูอัด เด็กชายวัย 9 ขวบ เป็นนักเรียนชั้น ป.3 ซึ่งอยู่บนรถบัสคันเกิดเหตุ เขามายืนรอบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุด้วยน้ำตาคลอเบ้า พร้อมกับเล่าว่า เขาทำงานอยู่แถวคลองหนึ่ง น้องปูอัด เป็นลูกของลุง มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน

ทราบว่าน้องปูอัดอยู่บนรถคันดังกล่าว จึงได้รีบไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลและสถานที่ปลอดภัย กลับไม่พบชื่อของน้อง เลยคิดว่าน้องอาจจะติดอยู่บนรถ แต่ในใจตอนนี้ยังภาวนาว่า ชื่อของน้องอาจจะตกหล่น และหวังว่าจะมีปาฏิหารย์ให้น้องรอดชีวิต

พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าเบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีผู้สูญหาย 23 คน ขณะนี้ทุกหน่วยงานกำลังลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบรายละเอียดรวมถึงเก็บรวบรวมพยานหลักฐานถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ตำรวจจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ขบวนรถทัศนศึกษาคันนี้เดินทางมา ตั้งแต่จังหวัดอุทัยธานีว่าเกิดเหตุต้องสงสัยอะไรหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบกับกรมการขนส่งทางบกว่ามีการติดตั้งก่อน หรือมีการดัดแปลงภายหลังและได้มาตรฐานหรือไม่ ในทางคดีหากมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตตำรวจก็จะต้องดำเนินการกับคนขับ และเจ้าของรถด้วย

ส่วนการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ทางนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ จะส่งทีมไปร่วมตรวจพิสูจน์กับทางนิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ด้วย

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/NpzOIoJbazc