อาชญากรรม

แกะรอยผู้ต้องสงสัยฆ่าชายหมกคอนโด พบรูดบัตรซื้อทอง-ย่องขายไอโฟน ตร.เผยประกบตัวไว้แล้ว

28 พ.ค. 2567

487 views

ตำรวจรู้ตัวแล้ว หนุ่มฮูดดำฆ่าชายเจ้าของห้องวัย 54 ปี หมกคอนโดย่านงามวงศ์วาน เชื่อหวังเงินในแอปโทรศัพท์ผู้ตาย ล่าสุดพบนำโทรศัพท์ 2 เครื่อง ไปขายแล้วที่ห้างดัง นำบัตรไปรูดซื้อทอง 8 แสนบาท



กล้องวงจรปิดในคอนโดจับภาพผู้เสียชีวิตครั้งสุดท้าย ได้ตอน 4 ทุ่ม 24 นาที ของวันที่ 20 พฤษภาคม ผู้เสียชีวิตขับรถเข้ามาในคอนโด ก่อนจะลงจากรถพร้อมกับชายวัยรุ่น ที่สวมเสื้อมีฮู้ด ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนิทสนม ก่อนจะขึ้นห้องมาด้วยกัน



จากนั้นตีหนึ่ง ของวันที่ 21 พฤษภาคม ชายวัยรุ่นลงลิฟต์มาคนเดียว เพื่อไปที่รถของผู้ตาย โดยใช้เวลาที่รถประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะกลับขึ้นห้องอีกครั้ง โดยถือถุงผ้า และหอบของบางอย่างออกมาด้วย



กระทั่งตี 4 กว่า ชายต้องสงสัยลงลิฟต์มาพร้อมถุงผ้าสีเขียวก่อนจะเดินออกไปจากคอนโดอย่างใจเย็น



ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในซอยทางเข้าคอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุ พบว่า ในช่วงเวลา 04.38 น. ของวันที่ 21 พฤษภาคม ได้มีรถแท็กซี่สีเหลือง ไม่ทราบทะเบียน ขับเข้าไปด้านใน ก่อนจะขับออกมาในเวลา 04.52 น. เพื่อรับผู้ต้องสงสัยจากหน้าคอนโดมิเนียมไปส่งย่านรัชโยธิน ก่อนไปพักยังโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งการเปิดห้องก็ใช้บัตรประชาชนของคนอื่น



ล่าสุดตำรวจได้เบาะแสว่าวันที่ 25 พฤษภาคม คนร้ายได้นำบัตรเครดิตของผู้ตาย ไปรูดซื้อทองจำนวน 800,000 บาท ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว โดยใช้บัตรประชาชนของผู้ตายไปเป็นหลักฐานการซื้อขาย พร้อมอ้างว่าบัตรประชาชนของผู้ตาย คือบัตรของตัวเอง และสาเหตุที่หน้าไม่ตรง เนื่องจากทำศัลยกรรมมา



ช่วงเที่ยงของวันที่ 27 พฤษภาคม ผู้ต้องสงสัยนำโทรศัพท์มือถือไอโฟน 14 พลัส กับไอโฟนเอสอี ของผู้ตาย ไปขายให้กับร้านรับซื้อโทรศัพท์มือสองภายในห้างมาบุญครอง ราคารวมทั้ง 2 เครื่อง เป็นเงิน 20,000 บาท แต่ใช้บัตรประชาชนปลอมของผู้อื่นทำธุรกรรมซื้อขายกับทางเจ้าของร้าน ต่อมาทางเจ้าของร้านที่รับซื้อเห็นภาพคนร้ายจากข่าว จึงได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.ปทุมวัน ไว้เป็นหลักฐาน เพราะเกรงว่า จะมีฐานความผิดในข้อหารับซื้อของโจร



จากการตรวจสอบบัตรประชาชนที่ผู้ต้องสงสัยนำมาใช้ในธุรกรรมซื้อขายโทรศัพท์มือถือไอโฟนทั้ง 2 เครื่อง พบว่าผู้ต้องสงสัยใช้บัตรประชาชนปลอมของผู้อื่น ที่มีลักษณะคล้ายกับตัวผู้ต้องสงสัย



ทีมข่าวโทรศัพท์ไปหาเจ้าของร้าน ให้ข้อมูลว่า ไม่แน่ใจว่าคนที่มาขายมือถือเป็นคนร้ายหรือไม่ แต่ลักษณะรูปพรรณสันฐานคล้ายมาก เพราะสวมใส่แว่นตา เสื้อฮู้ด และในภาพยังปรากฏโทรศัพท์สีแดงเหมือนกัน และตอนนี้ไม่สะดวกให้ข้อมูลเพราะต้องไปให้ปากคำกับตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี



ขณะที่ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านของผู้เสียชีวิต อยู่หลังวัดทางหลวง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งปกติผู้เสียชีวิตจะอาศัยอยู่กับแม่และหลานสาวที่นี่ พบว่า ในบ้านไม่มีใครอยู่ ขณะที่ทีมข่าวได้พูดคุยกับเพื่อนบ้าน เล่าให้ฟังว่า ปกติแล้ว ผู้เสียชีวิตจะอยู่ที่บ้านนี้กับแม่เพียง 2 คน ต่อมา ไปรับหลานสาวซึ่งเป็นลูกชองพี่ชายมาอยู่ด้วย โดยผู้เสียชีวิตจะเป็นคนดูแลแม่และหลานสาว ปกติ ช่วงเช้าผู้เสียชีวิตเดินออกไปซื้อกับข้าวให้แม่ประจำ พอสายๆ ก็จะเอาเสื้อผ้าใส่รถออกไปขาย บางครั้งก็เห็นพาแม่ขึ้นรถไปหาหมอบ้าง แต่หลังเกิดเหตุเมื่อวานนี้ เห็นแม่ผู้เสียชีวิตมายืนร้องไห้อยู่ที่วัด บอกว่า "โต้ดไปแล้ว" และบอกว่าลูกชายบอกไว้ว่าจะไปเมืองนอก แต่ก็มาเกิดเหตุขึ้น



จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่ยิมแห่งหนึ่งย่านนครอินทร์ ที่ผู้ตายไปใช้บริการในช่วงเช้าวันเกิดเหตุ ทางผู้ดูแลบอกว่า ผู้เสียชีวิตมักจะมาออกกำลังกายที่นี่เป็นประจำ จะมาคนเดียวตลอด ไม่เคยพาใครมาด้วย และเวลาที่มาออกกำลังกาย ก็จะเล่นคนเดียว ไม่มีเทรนเนอร์ ไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธ์กับใคร เพียงแค่ทักทายพนักงานเวลาเข้าออกเท่านั้น ทุกครั้งจะมาช่วงเช้าประมาณ 7-8 โมง ใช้เวลาออกกำลังกายครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะขับรถกลับออกไป วันที่ 20 ก็มาตอน 7 โมง แล้วก็เกิดเหตุสลดขึ้น



สาวลูกจ้างร้านรับซื้อมือถือเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนแล้ว หลังพบคนร้ายยังคงแต่งกายด้วยชุดเดิม สวมฮู๊ดคลุมหัว สวมแว่นตา 2 ชั้น นำมือถือคนตายไปขายได้เงิน 2 หมื่นบาท



เมื่อเช้านี้ พันตำรวจเอก สมพล วงศ์ศรีสุนทร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี มาร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีที่ สภ.เมืองนนทบุรี หลังพบว่า คนร้ายนำโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 14 พลัส และไอโฟนเอสอี ของผู้เสียชีวิตไปขายที่ร้านรับซื้อโทรศัพท์ ที่ห้างมาบุญครอง ในราคา 20,000 บาท โดยทางร้านพบชายต้องสงสัยตามภาพข่าวนำโทรศัพท์มาขาย จึงเข้าแจ้งความที่ สน.ปทุมวัน และจะสอบปากคำกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด



ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น.ที่ผ่านมา น.ส.น้ำ (นามสมมุติ) สาวลูกจ้างร้านรับซื้อโทรศัพท์มือถือ ชั้น 4 ห้างมาบุญครอง เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี หลังสอบปากคำ



โดย น.ส.น้ำ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวานนี้ช่วงเที่ยง คนร้ายนำเอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 14 พลัส กับไอโฟนเอสอี เข้ามาขายกับตนที่ร้านในราคา 2 หมื่นบาท ภายหลังจากที่ตนรับโทรศัพท์ทั้ง 2 เครื่องมาตรวจสอบดูก็พบว่า อยู่ในสภาพสมบูรณ์ใช้งานได้ตามปกติ จึงรับซื้อไว้ในราคาดังกล่าว แต่สิ่งผิดปกติที่ตนเห็นก็คือชายคนนี้สวมฮูดคลุมศรีษะตลอดเวลา และยังสวมแว่นตาทับกันสองชั้นเป็นแว่นใสข้างใน ส่วนข้างนอกเป็นแว่นดำ ซึ่งตนก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าชายคนนี้แต่งกายแปลกๆ คิดว่าคงเป็นสไตล์วัยรุ่น หรือไม่ก็อาจจะเพี้ยนๆ หน่อย



ซึ่งเมื่อตนตรวจดูสภาพของโทรศัพท์ที่นำมาขายทั้ง 2 เครื่อง เรียบร้อยแล้ว จึงขอบัตรประชาชนเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการซื้อขาย ซึ่งชายคนนี้ก็ยื่นบัตรมาให้ตนโดยที่ไม่ได้มีพิรุธอะไร แต่เนื่องจากการแต่งกายที่ปกปิดใบหน้าของเขาทำให้ตนเห็นไม่ชัดเจนว่ารูปในบัตรประชาชนกับตัวจริงตรงกันหรือไม่ แต่ในเมื่อเขายื่นบัตรประชาชนเพื่อซื้อขายออกมาให้แล้ว ตนก็ทำเอกสารซื้อขายแล้วจ่ายเงินสดให้เขาไปจำนวน 2 หมื่นบาท โดยใช้เวลาซื้อขายกันประมาณครึ่งชั่วโมง



น.ส.น้ำ เปิดเผยอีกว่า หลังจากที่ชายคนนี้รับเงินออกจากร้านไปได้สักพัก เป็นช่วงจังหวะที่ตนเองเปิดมือถือเลื่อนดูข่าว จึงเห็นรูปพรรณคนร้ายที่ก่อเหตุชัดเจน โดยตนเองจำภาพที่คนร้ายสวมฮูดและสวมแว่นตา 2 ชั้นได้ จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งทางเจ้าของร้านให้ทราบ ก่อนที่เจ้าของร้านจะให้ตนเดินทางไปลงบันทึกแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สน.ปทุมวัน



ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. พนักงานร้านทอง ย่านลาดพร้าว เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อให้ปากคำกรณีที่คนร้ายใช้โทรศัพท์มือถือของคนตายไปซื้อทองเป็นเงินกว่า 8 แสนบาท



โดย พ.ต.อ.จาตุรนต์ กล่าวว่า หลังก่อเหตุ คนร้ายได้นำโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไปสแกน QR Code ซื้อทองคำที่ร้านทองย่านลาดพร้าว เป็นจำนวนกว่า 800,000 บาท ซึ่งตรงนี้ตนได้หลักฐานการสอบปากคำจากทั้งพนักงานขายมือถือ และพนักงานขายทอง ทำให้คดีมีความคืบหน้าไปมาก ตอนนี้ตำรวจชุดสืบสวนได้ประกบตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้ไว้แล้ว



ส่วนสาเหตุที่ยังไม่สามารถออกหมายจับได้ เนื่องจากพยานยังไม่ยืนยันชี้ชัดว่า คนในภาพคือคนที่ใกล้ชิดและรู้จักผู้ตาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องรอให้มีหลักฐาน แน่นหนากว่านี้แล้วจะได้ขอศาลอนุมัติขอหมายจับทันที



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/OSLVdSfhe6I

คุณอาจสนใจ