อาชญากรรม

กวาดล้างผู้ต้องหาบัญชีม้า 21 ราย เครือข่ายแอปฯ หลอกลงทุน ต้นตอหญิงวัย 63 อดีตข้าราชการจบชีวิต

24 ต.ค. 2566

89 views

ผู้บัญชาการตำรวตภูธรภาค 5 แถลงผลการกวาดล้างบัญชีม้าของเครือข่ายแอพหลอกลงทุน Mi JingTong ซึ่งหนึ่งในเหยื่อเป็นอดีตข้าราชการเกษียณของโรงพยาบาล ที่ถูกหลอกลงทุนจนหมดตัวสูญเงินกว่า 5 ล้านบาท จนทำให้เกิดความเครียด ถึงขั้นฆ่าตัวตายและตกเป็นข่าวการเสียชีวิตปริศนา ล่าสุดขยายผลพบผู้ต้องหาบัญชีม้า 21 ราย ทั้งไทยและต่างชาติจับกุมแล้ว 7 ราย


ที่สถานีตำรวจภูธรแม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต. กฤตธาพล ยี่สาคร รรท. ผบช. ภ. 5  พล.ต.ต. วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต. ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภจว.เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าว คืบหน้ากรณีที่นางยุพิณ อายุ 63 ปี ถูกเผาเสียชีวิตข้างโอ่งหลังบ้านตัวเองในหมู่บ้านขอนตาล ตำบลริมใต้ เมื่อบ่ายของวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา


หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนพบถึงสาเหตุหนึ่งในการเสียชีวิตคาดว่าว่าป้ายุพิณอาจฆ่าตัวตายเพราะถูกหลอกให้ลงทุน พล.ต.ต. กฤตธาพล ยี่สาคร รรท. ผบช. ภ. 5 กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางตำรวจได้มีการติดตามสอบสวนหาตัวขบวนการที่มีการหลอกหลวงป้ายุพิณในการลงทุนครั้งนี้ เสียหายเป็นเงินจำนวนกว่า 5.2 ล้านบาท


พบว่า คดีดังกล่าวเป็นการหลอกลวงผู้เสียหาย รวมทั้งยังมีการหลอกลวงและจูงใจให้ผู้เสียหายทำการชักชวนบุคคลอื่นให้มาร่วมลงทุนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ เพื่อเลื่อนระดับชั้นของรหัสสมาชิก และได้รับค่าคอมมิชชั่นในจำนวนที่สูงขึ้น ซึ่งไม่มีอยู่จริง รวมถึงมีการโน้มน้าวใจให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มมากขึ้นเพื่อต่อรหัสสมาชิก และรับเงินกำไรที่ได้จากการลงทุนซี่งถ้าหากไม่ทำการโอนเงินรหัสสมาชิกจะหมดอายุ


โดยผู้เสียหายได้ถูกหลอกลวงในลักษณะเช่นนี้เรื่อยมา และหลงเชื่อจนต้องโอนเงินให้แก่กลุ่มคนร้าย จนกระทั่งมารู้ภายหลังว่าถูกหลอกลวง ซึ่งการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวนี้เป็นการหลอกลวงในรูปแบบผสมผสานไม่ว่าจะทั้งการหลอกให้ร่วมลงทุน, หลอกให้ทำภารกิจ, หลอกให้หารายได้พิเศษ หรือแม้กระทั่งการหลอกลวงในลักษณะแชร์ลูกโซ่ซึ่งหากผู้เสียหายทำการชักชวนผู้อื่นมาลงทุนด้วยก็อาจเป็นเหตุให้ถูกลอกลวงให้ตกเป็นผู้ต้องหาได้เช่นกัน


และจากการสืบสวนพบว่าผู้เสียหายได้ถูกหลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายในชั้นที่ 1 และเงินถูกโอนต่อไปยังบัญชีชั้นที่ 2 จำนวนทั้งสิ้น 21 บัญชี มีผู้ต้องหา 21 ราย โดยแบ่งเป็นบัญชีชั้นที่ 1 จำนวน 10 บัญชี และเงินถูกโอนต่อไปยังบัญชีชั้นที่ 2 จำนวน 11 บัญชี อีกทั้งยังมีเงินของผู้เสียหายบางส่วนถูกโอนไปยังบัญชีชั้นที่ 3 ด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเซียงใหม่ เพื่อขออนุมัติหมายจับผู้กระทำความผิดที่ปรากฏทั้งหมด จำนวน 20 ราย (ผู้ต้องหาถึงแก่ความตาย 1 ราย)


ต่อมาวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้อนุมัติหมายจับผู้ร่วมกระทำความผิดในคดีทั้งหมด ในความผิดฐาน "ร่ามกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเมือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนร่ามกันฟอกเงินและความผิดตามพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี"


โดยผู้ต้องหาแบ่งเป็นกลุ่มบัญชีชั้นที่ 1 ประกอบไปด้วยคนไทย จำนวน 10 ราย, กลุ่มบัญชีชั้นที่ 2 ประกอบไปด้วยคนไทย จำนวน 7 ราย และคนต่างชาติ จำนวน 3 ราย รวมทั้งสิ้น จำนวน 20 ราย และในวันนี้ (24 ตุลาคม 2566) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีมาทำการสืบสวนขยายผลและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 6 ราย


โดยแบ่งเป็น กลุ่มบัญชีชั้นที่ 1 ซึ่งเป็นคนไทย จำนวน 3 ราย และกลุ่มบัญชีชั้นที่ 2 จำนวน 3ราย (แบ่งเป็นคนไทย 2 ราย, คนต่างชาติ 1 ราย) ทั้งนี้ในส่วนของผู้ต้องหาตามหมายจับที่อยู่ระหว่างหลบหนีอีก 14 รายนั้น จะได้ดำเนินการระดมกำลังและติดตามจับกุมผู้ต้องหามาสืบสวนขยายผลและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/qYKaa8qp-k8

คุณอาจสนใจ

Related News