อาชญากรรม

หนุ่มวัย 24 ติดหนี้พนัน จี้ชิงทอง 2 บาท กลางห้างทองดังราชบุรี หวังไถ่สร้อยตัวเอง สุดท้ายโดนรวบ

โดย petchpawee_k

5 พ.ย. 2565

23 views

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 4 พ.ย. 65 พ.ต.ท.พิธาน ลูกรักษ์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายวิ่งราวทรัพย์ภายในห้างทองเยาวราชกรุงเทพ สาขาราชบุรี ซึ่งตั้งอยู่ภายในห้างดังตัวเมืองราชบุรี หลังรับแจ้งจึงประสาน พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พร้อม พ.ต.อ.รังสรรค์ สุขเกื้อ รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี และ พ.ต.อ.ธานินทร์ ฉัตรเจริญพร รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี รรท.ผกก.สภ.เมืองราชบุรี ให้รับทราบ และรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม จนท.ชุดสืบสวน สภ.เมืองราชบุรี และ จนท.พิสูจน์หลักฐาน


ที่เกิดเหตุเป็นห้างทองเยาวราชกรุงเทพ สาขาราชบุรี พบพนักงานหญิงจำนวน 4 คน ยืนรอให้การกับทาง จนท.ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยอาการหวาดกลัว จากการสอบถามทราบว่า ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ได้มีชายวัยรุ่นอายุประมาณ 25 ปี สวมเสื้อแจ็กเก็ตแขนยาวสีเทา ทับเสื้อยืดลายสีดำ ใส่กางเกงยีนส์สามส่วน สวมหน้ากากอนามัยสีดำ ที่ต่างหูเจาะรูหูเป็นห่วง และสวมรองเท้าแตะดำแดง ทำทีเข้ามาขอซื้อทองหนัก 2 บาท


แต่ทางพนักงานของร้านทองรู้สึกผิดสังเกต จึงให้คนร้ายเปิดหน้าให้ดูก่อน ถึงจะหยิบทองในตู้ออกมาให้ทางคนร้ายเลือก จนคนร้ายอาศัยจังหวะที่พนักงานเผลอ วิ่งเอาสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทหลบหนีไป โดยรองเท้าแตะของคนร้ายหล่นอยู่บริเวณหน้าร้านทอง พนักงานจึงรีบแจ้ง จนท.ตำรวจให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ต่อมาทาง จนท.ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในห้างและใกล้ห้าง พบคนร้ายวิ่งหนีลงมาแล้วทำแม็กกาซีนปืนซึ่งมีลูกปืนขนาด .38 บรรจุอยู่เต็มแม็กกาซีน หล่นอยู่บริเวณหน้าห้างเกิดเหตุ โดยผู้ก่อเหตุได้วิ่งหนีไปทางซ้ายของห้าง จนผ่านร้านขายของชำข้างห้าง แล้วสะดุดล้ม จนปืนที่คนร้ายนำติดตัวมาหล่นจากเอวของคนร้าย


โดยขณะนั้นมีผู้เห็นเหตุการณ์หลายคน  คนร้ายได้เก็บอาวุธปืนและวิ่งหนีไปบริเวณหน้าเต็นท์หน่วยเจาะเลือด สาขาย่อยรพ.ราชบุรี ซึ่งคนร้ายจอดรถจักรยานยนต์ซ่อนไว้เพื่อใช้เป็นพาหนะหลบหนี แต่ขณะจะขึ้นขี่รถจักรยานยนต์ คนร้ายได้ถือปืนส่องไปยังผู้เห็นเหตุการณ์ จนต้องวิ่งหลบหนีกันจ้าละหวั่น ก่อนที่คนร้ายจะขับรถจักรยานยนต์หลบหนีขึ้นสะพานสิริลักษณ์

 ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเล่าว่า  ช่วงประมาณ 12.00 น. เห็นคนร้ายนำรถจอดไว้ที่บริเวณข้างๆ ร้าน แล้วยืนด้อมๆ มองๆ อยู่ที่นอกร้าน แต่ไม่ได้เข้ามาภายในร้าน ต่อจากนั้นก็เดินไปที่ทางห้าง หลังจากนั้นสักประมาณ 10-20 นาที คนร้ายวิ่งถือปืนออกมาจากห้าง แล้วสะดุดล้มที่บริเวณข้างร้าน แล้วรีบวิ่งขึ้นรถขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ซึ่งพวกเธอรู้สึกตกใจและกลัว เพราะคนร้ายถือปืนมาตอนกลางวันแสกๆ ในที่สาธารณะด้วย โดยตอนที่คนร้ายวิ่งถือปืนหันมาใส่พวกเธอ ตอนพวกเธอกลัวและวิ่งหลบหนีจนล้มเข่าแตก เพราะกลัวคนร้ายจะยิง ยิ่งไม่รู้ด้วยว่าเกิดเหตุการณ์อะไร จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปขวางคนร้าย


ต่อมาเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.ธานินทร์ ฉัตรเจริญพร รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี รรท.ผกก.สภ.เมืองราชบุรี และ จนท.ชุดสืบสวนสภ.เมืองราชบุรี ได้ทราบชื่อและตัวคนร้าย จึงได้นำกำลังไปติดตามจับกุม ตัวคนร้ายที่ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพักแถวหมู่บ้านแสนกะบะ ม.10 ต.จอมบึง อ.จอมบึง ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ นายอัครพล จินดาโชติ อายุ 24 ปี จึงนำตัวคนร้ายค้นทรัพย์สิน คือ สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท และรถจักรยานยนต์ พร้อมอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนจะนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองราชบุรี


พ.ต.อ.ธานินทร์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนหน้าจะมาก่อเหตุ คนร้ายได้นำสร้อยคอทองดำหนัก 1 บาท ของตนเองไปจำนำที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ในราคา 27,000 บาท ก่อนจะไปก่อเหตุชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำภายในห้างตัวเมืองราชบุรี แล้วนำไปจำนำที่ร้านเดิมอีกครั้ง ในราคา 54,000 บาท โดยได้นำเงินที่ได้ไถ่ทองของตนเองออกมา และมีเงินติดตัวที่ จนท.ตำรวจค้นพบในตัว 27,000 บาท ซึ่งคนร้ายอ้างว่าที่ทำไปเพราะเป็นหนี้พนันออนไลน์  เบื้องต้น จนท.ตำรวจได้นำตัวคนร้ายไปไถ่ทองคืนมาเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะนำตัวไปติดตามหาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุต่อไป

ขณะเดียวกันจากเหตุการณ์ดังกล่าว น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ข้อความส่วนตัวระบุว่า "ตอนนี้่ เวลานี้ มีคนร้ายชิงทองที่บิ๊กซีราชบุรี ทำไมตำรวจไม่ให้นักข่าวทำข่าวคะ"


ทำให้ทาง พ.ต.อ.ธานินทร์ ได้ออกมาชี้แจงว่า ทาง จนท.ตำรวจไม่ได้มีการปิดกั้นสื่อในการทำข่าว แต่เนื่องจากทางผู้ดูแลห้างได้ขอไม่ให้ทางผู้สื่อข่าวบันทึกภาพในการเสนอข่าว ซึ่งทาง จนท.ตำรวจหลังเกิดเหตุได้เร่งรีบติดตามตัวคนร้ายอย่างเร่งด่วน


ทั้งยังได้ต้องเร่งรีบให้ทาง จนท.พิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ จึงไม่สามารถมาดูแลทางผู้สื่อข่าวที่เข้ามาทำข่าวได้ ซึ่งทางตนขอยืนยันไม่ได้ปิดกั้นไม่ให้มีการนำเสนอข่าว แต่อาจเกิดจากการเข้าใจผิดระหว่างผู้ดูแลห้างกับทางผู้สื่อข่าวก็เป็นได้.

คุณอาจสนใจ

Related News