อาชญากรรม

จเรตำรวจ พาผู้แทนนานาชาติ ชี้จุดฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชา

25 ก.ย. 2568

84 views

จเรตำรวจ พาคณะผู้แทนนานาชาติ ลงพื้นที่ชายแดนจันทบุรี ชี้จุดแก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชา ย้ำชัดไม่ได้อยู่ฝั่งไทย

เช้าวันนี้ (25 ก.ย.) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศตม.ตร.) และในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) หรือ International Anti-Scam and Human Trafficking Syndicate Command Center (Warroom IAC) ได้พาคณะผู้แทนตำรวจพันธมิตรจากต่างประเทศและองค์กรบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ที่เข้าประชุมหารือด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ที่เกี่ยวเนื่องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ลงพื้นที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี

โดยในการนี้ พล.ต.อ.ธัชชัย ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ของฝ่ายปกครอง ตำรวจภูธรจังหวัด และทหารป้องกันชายแดนที่ประจำการในพื้นที่ ซึ่งทาง พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ความสำคัญของจุดดังกล่าว คือ เป็นจุดผ่านยานถาวรที่ติดอยู่กับจังหวัดไพลิน ประเทศกัมพูชา ซึ่งฝั่งตรงข้ามประเทศไทยนั้น มีกาสิโนเป็นจำนวนมากที่เปิดบริการขยายตัวมาจากปอยเปตอีกที จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากปอยเปตและที่ข้ามพรมแดนจากฝั่ง จ.จันทบุรี ของไทย

ดังนั้น บริเวณนี้จึงมีความสำคัญที่ทางการไทยพบการข่าวว่า เป็นฐานที่ตั้งของแก๊งสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมากที่ขยายตัวมาจากปอยเปตอีกที ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน 18 จุดต้องสงสัยว่าจะมีฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ตามแนวชายแดนตรงข้าม จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ยิ่งแนวทางการสืบสวนก็ทราบว่า จ.จันทบุรี มีแนวโน้มเป็นเส้นทางผ่านใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากขึ้น โดยได้หลอกลวงชาวต่างชาติมาทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งนอกจากคนไทยแล้ว ยังมีชาวจีน เวียดนาม ไปจนถึงชาวไนจีเรียอีกด้วย โดยชาวต่างชาติที่ไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็จะหลอกลวงคนชาติของตนเองเป็นหลัก เช่น ชาวจีนก็หลอกลวงชาวจีนด้วยกัน เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้ จึงได้พาที่ประชุมมาลงพื้นที่ดูสถานการณ์จริงบริเวณชายแดน เพื่อให้เห็นว่าฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นไม่ได้อยู่ในฝั่งประเทศไทย แต่อยู่ในฝั่งกัมพูชา ส่วนประเทศไทยถูกใช้เป็นทางผ่านของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ลักลอบพาคนไทยและชาวต่างชาติไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ฝั่งกัมพูชาผ่านเส้นทางธรรมชาติกับถูกลักลอบใช้สัญญาณโทรศัพท์อินเตอร์เน็ต

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากการใช้ IP ระบุในประเทศ ทั้งที่ความจริงแล้ว แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ซิมมือถือของฝั่งตนเอง แต่ใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตจากฝั่งประเทศไทยในการติดต่อ ซึ่งจะทำให้ที่ประชุมผู้แทนนานาชาติเข้าใจถึงภาพรวมสถานการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์มากขึ้นว่า ประเทศไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างไร

แม้ว่าที่ผ่านมา อาจจะมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างชาติบางกลุ่มมาตั้งฐานในประเทศไทย เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ออสเตรเลีย จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น แต่ทางการไทยก็ได้ดำเนินการปราบปรามอย่างเด็ดขาด เราไม่เคยปล่อยทิ้งเอาไว้ จึงทำให้นานาชาติไว้วางใจประเทศไทย

แล้วหลังจากนั้นในวันพรุ่งนี้ ที่ประชุมจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร เพื่อไปประชุมหารือกันต่อที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมุ่งหมายให้ผู้แทนนานาชาติเห็นกระบวนการทำงานของ Warroom IAC ซึ่งจะทำให้เห็นภาพรวมทั้งหมดว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในภูมิภาคนี้เป็นแก๊งไหนและอยู่ที่ใดบ้าง เมื่อเห็นภาพรวมต่าง ๆ แล้วก็จะสามารถออกมาตรการต่าง ๆ ร่วมกันได้ เพราะผู้แทนนานาชาติเห็นพ้องตรงกันว่า ต้องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในภูมิภาคร่วมกับประเทศไทยและชื่นชมไว้วางใจประเทศไทยที่เป็นหัวเรือสำคัญในเรื่องปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ผู้แทนนานาชาติมีความเห็นอย่างไรเมื่อทราบว่า ฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ในประเทศกัมพูชา พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า สิ่งที่ผู้แทนนานาชาติเห็นในวันนี้ จะเป็นการยืนยันข้อมูลเดิมที่พวกเขามีว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงประเทศต่าง ๆ นั้น ก็มีฐานในกัมพูชาเช่นเดียวกัน โดยอินโดนีเซียและ FBI ของสหรัฐอเมริกา ก็ให้ความสนใจที่จะติดตามแก้ไขปัญหานี้

ที่สำคัญ ประเทศภาคีที่มาร่วมการประชุมอย่าง เช่น ญี่ปุ่น ก็เตรียมจะให้การสนับสนุนเทคโนโลยี เครื่องมือ และเงินทุน แก่ Warroom IAC สำหรับปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน นั่นจึงทำให้ตนเชื่อมั่นว่า หลังจากนี้การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ จะดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

พล.ต.อ.ธัชชัย ยังกล่าวถึงมาตรการเร่งด่วนที่เราจะต้องเร่งดำเนินการต่อคือ การสืบสวนให้ทราบถึงถิ่นที่อยู่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขยายผลไปถึงขบวนการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการหลอกลวงให้บุคคลมาทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ส่วนมาตรการที่ผ่านมานั้น ทางการไทยได้ใช้มาตรการตัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่ข้ามไปยังฝั่งกัมพูชาอย่างเข้มข้นมากขึ้น ทั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ รวมทั้งการเฝ้าระวังบุคคลที่ข้ามไปสแกนหน้าในฝั่งกัมพูชา

ขณะเดียวกันที่ผ่านมา ได้จัดการประชุมร่วมกับฝ่ายกัมพูชาในการส่งข้อมูลจุดที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประเทศไทย ซึ่งเราได้กำหนดเป็น Action Plan ให้กัมพูชารับทราบและนำไปดำเนินการแก้ไขปัญหาปราบปรามต่อและได้กำหนดเป็นหัวข้อที่จะพูดคุยในการประชุม JBC ส่วนกัมพูชาจะมีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาด้วยหรือไม่ ต้องดูกันต่อไป

ส่วนประเด็นเรื่องของการปิดพรมแดนในช่วงที่เกิดปัญหาความไม่สงบระหว่าง 2 ประเทศ ถือว่ามีผลกระทบต่อขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างมาก โดยเฉพาะการลักลอบนำคนไทยหรือชาวต่างชาติข้ามไปสแกนหน้าที่ฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งทำได้ยากมากขึ้น เพราะทหารได้เพิ่มการตรวจตราบริเวณตามแนวชายแดนและช่องทางธรรมชาติ จึงทำให้ควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น


คุณอาจสนใจ

Related News