อาชญากรรม
ผบช.สอท. ยังไม่ฟันบริษัท "Huione" ฟอกเงินแก๊งคอลฯ เผยหลักฐานไม่พอเอาผิดนักการเมืองกัมพูชา
โดย nutda_t
17 มิ.ย. 2568
105 views
วันนี้ (17 มิถุนายน) พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวถึงกรณีพบเส้นทางการเงินเว็บพนันออนไลน์ไปที่บริษัทรับเเลกเงินของกัมพูชา ว่า จากข้อมูลที่เราตรวจสอบบริษัท Huione เป็นบริษัทแลกเปลี่ยนเงินคริปโต ที่พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือบริษัทต่างๆ จะเข้ามาแลกเปลี่ยนเงินผ่านบริษัทนี้ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าบริษัทนี้รู้เห็นและอยู่ในขบวนการฟอกเงิน แต่ทางเราก็เคยขอข้อมูลจากบริษัทHuione ที่สามารถนำไปถึงการออกหมายจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ อย่างไรก็ตามจะต้องตรวจสอบว่าHuione มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ เพราะการมีส่วนร่วมกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ จะต้องมีพยานหลักฐานมากกว่านี้
ทางกระทรวงการคลังของสหรัฐ มีประกาศว่าบริษัทนี้ขึ้นแบล็กลิสต์ไว้ว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินให้อาชญากรรมข้ามชาติ หรือ แฮ็กเกอร์ของประเทศหนึ่ง ต้องจับตาหรือไม่ พลตำรวจโทไตรรงค์ บอกว่า มีการประสานข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานต่างๆอยู่แล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นจับตา
ส่วนกรณีที่นักธุรกิจ Wang Yicheng มีส่วนร่วมในเครือข่ายบริษัทHuione และมีภาพคู่กับพลตำรวจตรีชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 หรือผู้การแจ้ ได้มีการตรวจสอบแล้วหรือยัง พลตำรวจโทไตรรงค์ ตอบว่า ก่อนที่จะแถลงข่าวได้มีการสอบถามโดยตรง เจ้าตัวยืนยันว่า ภาพดังกล่าวถ่ายเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดยขณะนั้นยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งในกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ซึ่งเป็นการนำดอกไม้มาแสดงความยินดี โดยดอกไม้ดังกล่าวมีมูลค่าไม่ถึง 3 พันบาท ตามกฎหมาย ป.ป.ช. และไม่ได้มีการติดต่อกันอีก และจำบุคคลดังกล่าวไม่ได้ เนื่องจากผู้การแจ้ ปัจจุบันเป็นตำรวจอินฟลูเอนเซอร์ และเป็นคนที่อัธยาศัยดี ทำให้มีผู้คนมาขอถ่ายรูปเยอะ ยืนยันว่าหากมีตำรวจไซเบอร์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดไม่ละเว้น
ส่วนระหว่างสถานการณ์ข้อพิพาทของทั้ง 2 ประเทศ ตำรวจไซเบอร์ ได้ช่วยเหลือรัฐบาลในมิติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามนโยบาย โดยนโยบายหลักคือไม่จบ ไม่เลิก
ทั้งนี้มีรายงานว่า เงินรายได้หลักของประเทศกัมพูชา มาจากเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์และธุรกิจสีเทาต่างๆ ทางตำรวจไซเบอร์ถือว่าเป็นการตัดเส้นเลือดใหญ่ของประเทศนี้หรือไม่ พลตำรวจไตรรงค์ ตอบว่า เรื่องของรายได้หลักหรือไม่ เป็นเพียงแค่การข่าว และข้อมูลที่มีในโลกออนไลน์เท่านั้น แต่ยังไม่มีพยานหลักฐานพอที่จะใช้ในการดำเนินคดีได้ จึงไม่สามารถยืนยันว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่จริงหรือไม่ แต่ประเทศไทยยืนยันอยู่แล้วว่าไม่เอาคอลเซ็นเตอร์ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม และเดินหน้าปราบปรามอย่างเต็มที่
จากข้อมูลการสืบสวนสอบสวน มีพยานหลักฐานพอที่จะดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนักการเมืองหรือผู้บริหารประเทศกัมพูชา เหมือนกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของประเทศเมียนมา หรือไม่ พลตำรวจโทไตรรงค์ บอกว่า จากข้อมูลการสืบสวนสอบสวน ยังไม่มีพยานหลักฐานมากพอขนาดนั้น