อาชญากรรม
จับแล้ว“นายแบงค์” หัวโจกแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง อ้างไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน รปภ. แต่ใส่เกียร์ผิด
โดย paranee_s
3 มิ.ย. 2568
155 views
พลตำรวจเอกประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโทสยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พลตำรวจตรีพลโชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งลักลอบของกลางบุหรี่ไฟฟ้า และถอยรถชน รปภ. เสียชีวิต
พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.37 น. ของวันที่ 1 มิ.ย. 68 มีคนร้าย 6 คน เข้าไปขโมยบุหรี่ไฟฟ้าในโกดังสเตเดียม หลังเกิดเหตุ รปภ. ได้รับแจ้ง จึงมาระงับเหตุ กลุ่มคนร้ายจึงพยายามหลบหนีและมีการปะทะกัน
คนร้ายสามารถขับรถตู้ และบางส่วนวิ่งหลบหนีออกไปได้ โดยคนขับรถตู้ได้ถอยรถมาชน รปภ. จากนั้นได้นำของกลางบุหรี่ไฟฟ้าบางส่วนไปฝากไว้กับผู้ต้องหารายที่ 7 ซึ่งไม่ได้ร่วมอยู่ในที่เกิดเหตุ ก่อนนำรถไปจอดไว้ และหลบหนีไป
หลังเกิดเหตุตำรวจได้ประสานกำลังหลายส่วนทั้ง ฝ่ายสืบสวนนครบาล ฝ่ายสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ ติดตามสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 6 รายได้ และจับกุมอีก 1 รายที่เป็นผู้รับของกลาง
ขณะนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 5 ราย เหลืออีก 1 ราย ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัว ซึ่งมีการประสานมาว่าจะมอบตัว แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ยังคงกดดันเพื่อให้จับกุมตัวได้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าตัวนายแบงค์อยู่ที่ไหน แต่คาดว่าอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ให้การคล้ายกันว่า ตัวการหลักในการก่อเหตุครั้งนี้คือ นายแบงค์ ที่เป็นคนชักชวนรวบรวมทุกคนมาร่วมกันก่อเหตุ ซึ่งยังไม่มีการให้การถึงส่วนแบ่งผลประโยชน์ โดยทั้ง 5 รายยืนยันว่า กระทำครั้งแรก แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ส่วนรถตู้ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถของนายแบงค์ ส่วนคนที่ทำหน้าที่ใช้คีมตัดกุญแจตู้คอนเทนเนอร์ จากคำให้การน่าจะเป็นนายเบิร์ด
สำหรับพื้นที่โกดังสเตเดียม เป็นพื้นที่เปิดปกติจะมีการแข่งฟุตซอล ซึ่งคนทั่วไปก็สามารถเข้าไปได้ โดยจุดนี้เป็นพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย แต่กรมศุลกากรไปเช่าพื้นที่บางส่วนเพื่อเก็บของกลางที่ตรวจยึดมาจากหลายส่วน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่การก่อเหตุครั้งนี้จะมีผู้ที่ทำหน้าที่ชี้เป้า เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุมีการวางแผนกันเป็นขบวนการ พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ตอบว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ตัดประเด็นทิ้ง ต้องสืบสวนต่อ
ด้าน นายเฉลิมศักดิ์ บัวแก้ว ผู้อำนวยการส่วนของกลาง กองสืบสวนปราบปราม กรมศุลกากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้กรมศุลกากรยังไม่เคยพบการลักขโมยของกลาง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ซึ่งจากรูปการณ์ ทำให้เชื่อได้ว่าคนร้ายใช้วิธีการสุ่มเปิดตู้คอนเทนเนอร์ไปเรื่อย ๆ เพราะมีการตัดกุญแจไปแล้วถึง 5 ตู้ ซึ่งพอมาเจอตู้ที่เป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นเป้าหมายจึงลักขโมยไป แต่ขนไปได้แค่ 3 หีบห่อ แล้วมี รปภ. มาสังเกตเห็น จึงหลบหนีไป ส่วนตู้ที่เปิดก่อนหน้านี้ที่เป็นสินค้าอื่นและตู้เก็บเอกสาร คนร้ายไม่ได้เอาของกลางไป
ทั้งนี้ ในพื้นที่โกดังสเตเดียมมีการเก็บตู้คอนเทนเนอร์ของกลางทั้งหมด 55 ตู้ ในจำนวนนี้มี 5 ตู้ที่ใช้เก็บบุหรี่ไฟฟ้า โดยไม่ได้ติดป้ายหรือทำสัญลักษณ์ไว้ว่าของกลางในตู้คืออะไร โดยกลุ่มคนร้ายเปิดเจอบุหรี่ไฟฟ้าเพียง 1 ตู้ สำหรับของกลางในตู้นี้ จากเลขการผลิตบนกล่อง เชื่อได้ว่า เป็นของกลางล็อตล่าสุดที่เพิ่งนำเข้ามาจัดเก็บ
อย่างไรก็ตาม จะมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องในการชี้เป้าหรือไม่ ก็เป็นประเด็นที่ทางตำรวจจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป เพียงแต่รูปการณ์ในการก่อเหตุเบื้องต้น เชื่อว่าเป็นการสุ่มไปเรื่อย ๆ และยืนยันว่าในพื้นที่จัดเก็บของกลางนั้นมีคนดูแลตลอด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็สะท้อนให้เห็นว่า รปภ. ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี ยอมสละชีพเพื่อทรัพย์สินของราชการ
พลตำรวจเอกประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า ประเด็นว่ามีคนชี้เป้าหรือไม่ก็เป็นประเด็นที่ตนสงสัยเหมือนกัน แต่พบว่ากลุ่มคนร้ายมีการสุ่มเปิดหลายตู้ หากเจาะจงเปิดตู้บุหรี่ไฟฟ้าเลย ก็จะสงสัยว่าต้องมีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ทิ้งประเด็นนี้ จะสืบสวนขยายผลต่อไป เพราะตัวนายแบงค์ พบว่ามีพฤติการณ์ในการ จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ และเป็นเป้าหมายที่อยู่ในการติดตามของเจ้าหน้าที่อยู่ด้วย ซึ่งตอนนี้บุหรี่ไฟฟ้าหายากขึ้นซื้อขายผ่านทางออนไลน์ไม่สะดวก อาจทำให้นายแบงค์ต้องหาช่องทางในการมาขโมยของกลาง ดังนั้น หากได้ตัว นายแบงค์ ข้อเท็จจริงหลายส่วนก็คงจะปรากฏ
จากข้อมูลการสืบสวน พบว่า กลุ่มผู้ต้องหา มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีมาแล้วหลายครั้ง ดังนี้
-นายธนทร หรือ จี เคยถูกดำเนินคดีฐานเป็นตัวการเล่นพนันทายผลฟุตบอล พื้นที่ สน.บางคอแหลม ปี 2561
-นายภียกร หรือ คิง เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน พื้นที่สน.บางรัก ปี 2563, คดียาเสพติดพื้นที่ สน.บางชัน ปี 2565, คดีฝ่าฝืนเคอร์ฟิว พื้นที่ สน.ท่าเรือ ปี 2563 และคดีร่วมกันฉ้อโกง พื้นที่ สภ.หนองสาหร่าย จังหวัดนครราชสีมา ปี 2566
-นายเอกชัย หรือ เอก เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด พื้นที่ สน.ท่าเรือ ปี 2558
-นายนรินทร์ หรือ เบิร์ด เคยถูกดำเนินคดีเล่นการพนัน พื้นที่ สน.ท่าเรือ ปี 2564, คดีสมคบฟอกเงิน มูลฐานการพนัน พื้นที่ สภ.คอหงส์ จังหวัดสงขลา ปี 2567
-นางสิทธิศักดิ์ หรือ แบงค์ เคยถูกดำเนินคดีฐานเป็นตัวการเล่นพนันทายผลฟุตบอล พื้นที่ สน.ท่าเรือ ปี 2561 และ 2562, คดีขับรถขณะเมาสุรา พื้นที่ สน.ยานนาวา ปี 2563 แลพ คดีปล้นทรัพย์ โดยมีอาวุธติดตัว พื้นที่ สน.ท่าข้าม ปี 2565
ส่วน นายสุวัฒน์ หรือ เล็ก เพิ่งเคยถูกดำเนินคดีครั้งแรก
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขัง ในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (4 มิ.ย. 68) โดยยังไม่มีการทำแผน
ต่อมาเวลา 11.20 น. ฝ่ายสืบสวนได้จับกุมนายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ อายุ 38 ปี มาทำบันทึกจับกุมที่ห้องสืบสวน สน. ท่าเรือ โดยผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 และผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เข้าไปสอบปากคำ
นายแบงค์ ได้ยอมเปิดปากสารภาพกับสื่อมวลชนว่า ตนทำทุกอย่างเองโดยที่ไม่มีใครจ้าง มีผู้ดูแลสนามฟุตบอลในพื้นที่เป็นคนคอยชี้เป้าให้ ส่วนผู้ต้องหาคนอื่น ตนก็ชักชวนไปทำ ไม่ได้ว่าจ้าง ส่วนเรื่องถอยรถชน รปภ.เสียชีวิต นายแบงค์บอกว่าใส่เกียร์ผิด ไม่ได้ตั้งใจ อยากจะขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต
ด้าน พลตำรวจตรีโชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนควบคุมตัวนายแบงค์ได้บริเวณบ้านพัก ในชุมชนคลองเตย จากการซักถามนายแบงค์ ให้การว่า ก่อเหตุมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกได้บุหรี่ไฟฟ้ารวมมูลค่า 270,000 บาท นำไปขายทางออนไลน์ ส่วนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งทั้ง 2 ครั้งจะมีคนในพื้นที่ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเป็นคนคอยชี้เป้าให้ และมีความสนิทสนมกับนายแบงค์ ซึ่งตอนนี้ตำรวจทราบตัวแล้วว่าเป็นใคร
ส่วนที่ขับรถชน รปภ. เสียชีวิต นายแบงค์ก็ยังยืนยันว่าเป็นการใส่เกียร์ผิด ไม่ได้มีเจตนา แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ
ส่วนข้อมูลที่ผู้ต้องหาให้ข้อมูลไม่ตรงกับกรมศุลกากร ที่บอกว่าไม่เคยเกิดเหตุในลักษณะแบบนี้มาก่อนนั้น ยืนยันว่าทางตำรวจยังไม่เคยได้รับแจ้งความจากกรมศุลกากร ซึ่งจะต้องรอให้กรมศุลกากรรวบรวมข้อมูล โดยเฉพาะรายการบัญชีของกลาง เพื่อนำมาตรวจสอบ
โดยหลังจากทำบันทึกจับกุมเสร็จแล้ว จะส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการสอบปากคำอย่างละเอียด แล้วจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ฝากขังภายในวันพรุ่งนี้ ท้ายคำร้องคัดค้านประกันตัว
แท็กที่เกี่ยวข้อง