อาชญากรรม
รวบแล้วชายเมียนมายิงเจ้าของฟิตเนสดับ ปัดมีเรื่องแค้นเคือง-ขู่ฆ่าเมีย
โดย paranee_s
13 พ.ค. 2568
392 views
จากกรณีที่ฝ่ายสืบสวน ตำรวจ สน.เพชรเกษม ร่วมกับสืบสวน บก.น.9 และสืบนครบาล ร่วมกันเร่งไล่ล่าตัวนายไสหาน อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ลักทรัพย์ และบุกรุกเคหสถาน จากคดีที่นายไสหานปีนเข้าบ้านและก่อเหตุยิงนายยุทธโรจน์ อายุ 70 ปี เจ้าของฟิตเนสและนายจ้างของภรรยาเสียชีวิต ก่อนจะขโมยรถยนต์ของผู้เสียชีวิตขับหลบหนีไปและไปก่อเหตุชนดะทรัพย์สินของชาวบ้านหลายรายการ
ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุม นายไสหาน ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ที่ห้องเช่าย่านอ่อนนุช 65 แขวงประเวศ เขตประเวศ โดยนายไสหานได้ยอมให้ถูกจับแต่โดยดี ไม่มีท่าทีขัดขืน พร้อมสามารถตรวจยึดของกลางเป็นปืนลูกโม่ .38 ขนาดลำกล้อง 2 นิ้ว พร้อมปลอกกระสุนปืน 3 ปลอก รวมทั้งกระสุนปืนในรังเพลิงอีก 2 นัด โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง บัตรประชาชนและบัตรเครดิตของนายยุทธโรจน์ ผู้เสียชีวิต
ต่อมาเวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวนายไสหาน ผู้ต้องหา มาสอบสวนดำเนินคดีที่ สน.เพชรเกษม โดยระหว่างควบคุมตัว ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามผู้ต้องหาถึงสาเหตุในการก่อเหตุ แต่ช่วงแรกนายไสหานไม่ยอมตอบคำถามอะไร จนผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ได้วางแผนมาก่อนหรือไม่ นายไสหานจึงกล่าวว่า ในวันที่ก่อเหตุเจ้าตัวไม่ได้มีการวางแผนมาและตนเองก็รู้สึกผิดที่ก่อเหตุไปในครั้งนี้
เมื่อสอบถามว่าอยากจะขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ นายไสหานได้ยิ้มออกมา แต่ไม่ยอมพูดขอโทษอะไร พอผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ตั้งใจจะขับรถหนีไปไหนหรือไปตามเส้นทางเรื่อย ๆ นายไสหานบอกว่า ไม่รู้
ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามต่อไปว่า มีความแค้นกับตัวผู้เสียชีวิตมาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายไสหานเผยว่า ตนเองไม่มีความแค้นกับผู้เสียชีวิต ในวันเกิดเหตุที่ตนเองปีนเข้าไปในบ้านผู้เสียชีวิต เพราะต้องการจะเข้าไปหาภรรยา เมื่อสอบถามว่า มีความแค้นอะไรมาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายไสหาน กล่าวว่า ตนเองไม่มีความแค้นส่วนตัวกับภรรยา และภรรยาก็ทราบเรื่องอยู่แล้วว่าตนจะมาหา แต่พอตนเองปีนเข้าไปในบ้าน นายไสหานอ้างว่าเห็นผู้เสียชีวิตมีอาวุธปืนอยู่แล้ว
ส่วนกุญแจประตูรั้วในวันที่เกิดเหตุนั้น ตนเองเป็นคนหยิบมาเอง ไม่ใช่ภรรยาเอามาให้ ก่อนควบคุมตัวเข้าห้องประชุม สน.เพชรเกษม เพื่อสอบปากคำ ภายหลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จ ผู้สื่อข่าวสอบถามทิ้งท้ายว่า อยากขอโทษอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ นายไสหานบอกว่า "ไม่ครับ ไม่มี"
ภายหลังจากสอบปากคำผู้ต้องหาแล้วเสร็จ หลังใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถสอบปากคำนายไสหานได้ เนื่องจากว่าผู้ต้องหาฟังภาษาไทยไม่ออกและพูดได้แค่บางคำ สามารถสื่อสารเป็นภาษาเมียนมาได้เท่านั้น ฉะนั้นในวันพรุ่งนี้ (13 พฤษภาคม) พนักงานสอบสวนจะประสานล่ามภาษาเมียนมาร์เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหา ขณะที่จะทำแผนประกอบคำรับสารภาพหรือไม่นั้น นายไสหานกล่าวว่ายินดีที่จะไป แต่ทางตำรวจต้องประสานล่าให้เรียบร้อยก่อน
ทั้งนี้ จากการพูดคุยเบื้องต้น ผู้ต้องหาอ้างว่าที่ตนเองปีนเข้าไปในบ้านผู้เสียชีวิตนั้น เนื่องจากต้องการจะเข้าไปหาภรรยาที่ทำงานอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งอ้างว่าไม่ได้วางแผนที่จะมาทำร้ายภรรยา แต่ที่เข้ามาที่บ้านหลังนั้น เพราะตั้งใจจะมาทำงาน แต่ในส่วนของผู้เสียชีวิตนั้น ผู้ต้องหาไม่ได้มีความแค้นเคืองส่วนตัวกันและอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก็เป็นอาวุธปืนของผู้เสียชีวิตเอง
โดยช่วงที่เกิดเหตุนั้น ผู้ต้องหาอ้างว่าเกิดการยื้อแย่งปืนกับผู้เสียชีวิต ทำให้ปืนลั่นใส่ตัวของผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ต้องรอสอบสวนข้อเท็จจริงประเด็นนี้ที่ชัดเจนอีกครั้งจากการสอบปากคำผ่านล่าม
ส่วนจุดที่ผู้ต้องหาไปหลบซ่อนตัวย่านอ่อนนุช 65 เป็นพื้นที่ของนายจ้างเก่าผู้ต้องหาหรือไม่ พล.ต.ต.คมสิทธิ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาอ้างว่าจุดที่ไปหลบซ่อนตัวนั้น เป็นจุดที่ไม่เคยไปมาก่อน ส่วนรถที่ใช้ในการเดินทางนั้น ก็ไม่ได้วางแผนมาก่อน เพียงแค่คิดว่าจะเดินทางด้วยวิธีไหนได้ ก็จะเลือกเดินทางด้วยวิธีนั้น ไม่มีจุดหมายปลายทาง แค่เดินทางหลบหนีไปเรื่อย ๆ ส่วนที่กระแสข่าวว่าเป็นบ้านของนายจ้างเก่านั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ความจริง
สำหรับปูมหลังของผู้ต้องหาที่เคยเป็นอดีตทหารชาติพันธุ์ไทใหญ่ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายไสหานเป็นกลุ่มชาติพันธุ์และเป็นผู้ชาย ทำให้นายไสหานต้องเป็นทหารตามอัตโนมัติ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่มีการสู้รบ
แท็กที่เกี่ยวข้อง