รองผู้การกองปราบ ยันไม่หนักใจสร้อยเพชร 26 ล้าน อยู่ในมือรัฐมนตรี แนะบุคคลที่ 3 ส่งคืนทรัพย์สิน

เวลา 10:00 น. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยกับสื่อมวลชนถึงคดีที่คุณเมย์ วาสนา แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับดิว อริสรา นักแสดงชื่อดัง ในข้อหายักยอกทรัพย์ ว่าวันนี้ตัวแทนที่ปรึกษาทางกฎหมายของคุณเมย์ ได้มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มในฐานะผู้รับมอบอำนาจ ในคดีที่มีการแจ้งความร้องทุกข์ในข้อหายักยอกทรัพย์ ตามที่ปรากฏในสื่อมวลชน

โดยการสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ จะดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ยังไม่ครบถ้วนตั้งแต่วันที่แจ้งความวันแรก โดยทางพนักงานสอบสวน จะสอบถามในหลายประเด็นให้ครบถ้วนชัดเจนและสิ้นกระแสสงสัย ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไรและมีความเป็นมาอย่างไร

ทั้งนี้ จากที่เมื่อวานนี้มีกระแสข่าวว่า พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ได้ออกหมายเรียกให้ ดิว อริสรา เข้ามาพบพนักงานสอบสวนแล้วนั้น เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะเนื่องจากต้องใช้เวลาในการสอบสวนสักระยะ หากออกหมายเรียกให้ผู้กล่าวหาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาโดยข้อมูลไม่ครบถ้วน จะทำเรื่องส่งฟ้องต่อศาลไม่ทัน และจะกลายเป็นเงื่อนเวลาที่มาบีบรัด ดังนั้น ในกรณีนี้ที่เป็นคดีใหญ่ ทางพนักงานสอบสวนจะต้องใช้เวลาในการทำงานและรวบรวมพยานหลักฐานกับตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงินสักระยะหนึ่งก่อน

สำหรับประเด็นที่ ดิว อริสรา จะส่งทนายความมาพบพนักงานสอบสวนในวันนี้นั้น ทราบว่าจะเข้ามาพบช่วงเวลาประมาณ 11:00 น. ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเข้ามาพบในประเด็นอะไร

ในส่วนเรื่องของคดีนั้น ทางพนักงานสอบสวนจะต้องดูข้อเท็จจริงอย่างละเอียดก่อน หากพบว่าผู้ถูกกล่าวหาเอาของเขาไป และมีเจตนาเบียดบังไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต แล้วปรากฏข้อเท็จจริงเช่นว่านั้น ก็จะเข้าข่ายความผิดฐานยักยอกทรัพย์ แต่ต้องให้เวลาพนักงานสอบสวนในการทำงานและตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ส่วนจะเข้าข่ายการทำความผิดข้อหาอื่นด้วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง

โดยในข้อหายักยอกทรัพย์นั้น มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ตามขั้นตอนแล้ว ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาก่อน เว้นแต่ว่าผู้ต้องหาไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งหรือมีเจตนาที่จะหลบหนี ก็จะดำเนินการออกหมายจับ ซึ่งการที่ดิว อริสรา อยู่ต่างประเทศ หากไม่ยอมกลับมาไทย ก็อาจจะส่อมีเจตนาที่จะหลบเลี่ยงการเข้าพบพนักงานสอบสวน จะถือว่าเป็นการหลบหนีที่สามารถออกหมายจับได้เช่นเดียวกัน เว้นแต่ว่ายังติดภารกิจอยู่ จนไม่สามารถจะเดินทางจากต่างประเทศได้ เรื่องนี้ก็จะต้องให้ความเป็นธรรม

อย่างไรก็ตาม ในคดียักยอกทรัพย์นั้น เป็นคดีที่สามารถยอมความได้ หากคู่กรณี 2 ฝ่าย ตกลงกันได้ หรือมีการชดใช้ค่าเสียหายอย่างไรแล้วก็แล้วแต่ ถ้าผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ คดีก็เป็นอันสิ้นสุด

สำหรับประเด็นสิ่งของที่ตกไปถึงมือของบุคคลที่ 3 นั้น ต้องตรวจสอบเจตนาข้อเท็จจริงว่า ของดังกล่าวตกไปอยู่ที่บุคคลที่ 3 บุคคลใดบ้าง และบุคคลที่ 3 รู้หรือไม่รู้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวได้มาจากการยักยอก ถ้าบุคคลที่ 3 รู้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่ได้มาโดยทุจริตและมาจากการยักยอกทรัพย์ แต่ไม่มีเจตนาที่จะนำมาคืนหรือยังคงยักย้ายถ่ายเทจงใจปิดบังต่อไปนั้น ก็จะเข้าข่ายความผิดฐานรับของโจร แต่ถ้าหากรู้หรือไม่รู้ แล้วแสดงความเจตจำนงบริสุทธิ์ใจที่จะนำของมาคืน ก็จะไม่มีความผิด ซึ่งในส่วนนี้จะต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ให้ข้อมูลด้วยว่า ทรัพย์สินที่หายไปนั้นอยู่ที่ใครบ้าง เพราะการตรวจสอบเส้นทางทรัพย์สินนั้น ต้องขึ้นอยู่กับบุคคลที่ส่งมอบเป็นหลัก ไม่ใช่เส้นทางการเงินที่ตรวจสอบทางธุรกรรมได้

แต่ทั้งนี้ก็ต้องตรวจสอบเจตนาของบุคคลที่ 3 ด้วย ซึ่งหากพบว่าทรัพย์สินอยู่ที่ใคร ก็ต้องเชิญบุคคลนั้นมาให้ปากคำ รวมไปถึงบุคคลสำคัญระดับประเทศที่มีชื่อว่ารับของของคุณเมย์ไปด้วย ก็จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง และเชิญมาให้ปากคำเช่นเดียวกัน โดยยืนยันว่า ทางตำรวจไม่หนักใจอย่างแน่นอน เมื่อคดีนี้มีส่วนพัวพันกับบุคคลสำคัญระดับประเทศ เพราะทุกคนก็อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน

นอกจากนี้เมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ทรัพย์สินดังกล่าวถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายในการกระทำความผิด บุคคลที่ 3 ที่ได้ของไปจะต้องนำมาคืน หรือส่งมอบให้กับตำรวจเพื่อเป็นของกลางในคดี ซึ่งทางพนักงานสอบสวนมีอำนาจในการยึดได้เช่นเดียวกัน โดยคนที่รับของจากคุณดิว และจ่ายเงินไปแล้ว สามารถใช้สิทธิ์ทางแพ่งไล่เบี้ยเรียกเงินคืนจากคุณดิวได้ แต่ตอนนี้ยังไม่พบว่า มีบุคคลที่ 3 แสดงความบริสุทธิ์ใจที่จะนำของมาคืนแต่อย่างใด

ส่วนประเด็นที่ว่าต้องตรวจสอบธุรกิจของดิว อริสรา ว่าอาจจะมีธุรกิจผิดกฎหมายตามที่มีรายงานข่าวด้วยหรือไม่นั้น เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการสอบสวนคดีที่มีการแจ้งความร้องทุกข์ก่อนเป็นหลัก