ตำรวจคุมตัว “โน๊ต” ทำแผนฆ่าอำพราง 3 ศพพ่อแม่ลูก ญาติหวิดรุมประชาทัณฑ์ วอนโทษประหาร

ตำรวจคุมตัว “ไอ้โน๊ต” ทำแผนฆ่าโหด 3 ศพ พ่อแม่ลูก หมกศพใส่รถกระบะทิ้งบ้านร้าง สารภาพแค้นที่ยืมเงินแล้วไม่ให้เลยยิงพ่อ ส่วนเด็ก 7 ถูกลูกหลง และยิงแม่เพื่อปิดปาก ขณะที่ญาติคนตายตามดูหน้า-ด่าผู้ต้องหาไม่ใช่คน วอนโทษประหาร

บรรยากาศขณะตำรวจคุมตัวนายศิวกร หรือ โน๊ต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ฆ่าโหด 3 ศพ พ่อแม่ลูก โดยการยิงศีรษะ นำศพใส่รถกระบะของคนตายไปจอดทิ้งบ้านร้าง โดยมีญาติคนตาย และชาวบ้านมาตามดูหน้าฆาตกร พร้อมตะโกนด่า สาบแช่ง ที่โหดเหี้ยม และยังพยายามจะเข้าไปทำร้ายผู้ต้องหา เพราะไม่มีท่าทีสลด หรือสำนึกผิด และไม่เอ่ยคำขอโทษใดๆ ตำรวจต้องกันตัวผู้ต้องหาไม่ให้ถูกทำร้าย แล้วรีบพาขึ้นรถกลับ สภ.คลองขลุง

เรื่องนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อช่วงเช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ มีชาวบ้านพบรถกระบะจอดอยู่ในบ้านร้าง ริมถนนพหลโยธิน พื้นที่อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ในสภาพมีผ้าคลุม มีแมลงวันตอม และส่งกลิ่นเหม็น เมื่อแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ พบว่า เป็นศพของ นายวงศกร หรือ ใหม่ อายุ 37 ปี / น.ส.นันทกานต์ หรือ แจง อายุ 35 ปี / และน้องซันเดย์ เด็กชายวัย 7 ปี ทั้งหมดเป็นพ่อแม่ลูกกัน และเป็นคนที่ญาติแจ้งความคนหาย และประกาศตามหาในโซเชียล ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ผลชันสูตรเบื้องต้น พบว่าทั้ง 3 ศพ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ

เมื่อวานนี้ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องสงสัย คือ นายศิวกร หรือ โน้ต ซึ่งเป็นคนสนิทกับน้องชายของ น.ส.แจง หนึ่งในผู้เสียชีวิต ไปสอบสวนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา สุดท้ายนายโน๊ตรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือกับทั้ง 3 ศพ อ้างว่าไม่พอใจที่นายใหม่บอกว่า จะให้ยืมเงิน 1 แสนบาท ไปลงทุนแต่สุดท้ายไม่ยอมให้ วันเกิดเหตุให้นายใหม่ไปรับที่บ้าน เพื่อมาคุยกัน ก่อนจอดลงมาคุยกันนอกรถ แล้วเกิดทะเลาะวิวาทกัน จึงหยิบปืนของตัวเอง ที่ได้มาจำนำไว้กับนายใหม่ และอยู่ในรถกระบะของนายใหม่ ออกมายิงนายใหม่เสียชีวิต จากนั้นได้โทรตามเพื่อนที่ชื่อนายเข้ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดฆาตกรรมประมาณ 5 กิโลเมตร มาช่วยยกศพขึ้นเบาะหลังรถกระบะ

ส่วน น.ส.แจง และลูกชายยังมีชีวิต แต่ น.ส.แจง ได้แย่งปืนจากนายโน๊ต แล้วเกิดการยื้อแย่งกันจนปืนลั่นใส่เบ้าตาเด็ก 7 ขวบ จากนั้นได้ฆ่าปิดปาก น.ส.แจง เพราะรู้จักกันเป็นอย่างดี ก่อนขับรถกระบะพาทั้ง 3 ศพ ไปทิ้งอำพรางที่บ้านร้าง แล้วนำทองน้ำหนัก 3 บาท ของผู้เสียชีวิตไปขายที่ร้านทอง โดยเจ้าของร้านให้เงิน 3,000 บาท ก่อนโอนเข้าบัญชีนายโน๊ตจนครบ 1 แสนบาท ซึ่งนายโน๊ต บอกว่าทั้งหมดเป็นการณ์ซึ่งหน้า ไม่ได้มีการวางแผนมาก่อน

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจได้ประสานนักประดาน้ำ ลงงมหาปืน และโทรศัพท์มือถืออีก 2 เครื่อง ในสระน้ำ หมู่ 8 บ้านร้อยไร่ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดยิง 1 กิโลเมตร ตามที่ผู้ต้องหา ให้การว่านำปืนไปทิ้ง เพื่อหาหลักฐานทางคดีเพิ่ม แต่สระมีขนาดใหญ่ ลึก 2 เมตร ด้านล่างเป็นดินโคลน ทำให้การค้นหายากลำบาก และยังไม่พบหลักฐานเพิ่ม

เมื่อช่วงบ่าย พลตำรวจโท อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวในคดี ระบุว่า นายโน๊ตได้นำทองคนตายไปขาย เพื่อนำไปใช้หนี้ จากนั้นพยายามปิดบังอำพรางด้วยการอ้างตัวเป็น น.ส.แจงส่งข้อควมไปหาน้องชาย แล้วยังไปซื้อผ้าคลุมรถมาคลุมรถไม่ให้ใครเห็น ว่า เป็นรถที่ญาติกำลังตามหา และยังพยายามแสดงตัวในจุดพบศพ ซึ่งตำรวจเห็นพิรุธตั้งแต่แรกแล้ว ที่สำคัญยังตีเนียนทำทีไปถามข้อมูลจากผู้สื่อข่าว เพื่อหาช่องทางในการทำลายหลักฐาน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน เเจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต