อาชญากรรม
กองปราบบุกทลายห้องเช่า ชายแดนไทยมาเลเซีย ฐานซิมบ็อกซ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์
โดย nicharee_m
25 ม.ค. 2568
170 views
กองปราบนำทีมบุกค้นห้องเช่าในพื้นที่บ้านด่านนอกชายแดนไทยมาเลเซีย ใช้ติดตั้งซิมบ็อกซ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้โทรหลอกเหยื่อ ยึดซิมบ็อกซ์ 2 เครื่องและเราเตอร์ ขยายผลมาจากเหยื่อที่ถูกโทรหลอกเสียเงินไป 2 ล้าน
วันนี้ (25ม.ค.68) ตำรวจกองปราบ กองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม กสทช.ภาค4 ชุดสืบสวนตม.6 นำหมายค้นของศาลจังหวัดนาทวี เข้าตรวจค้นภายในห้องเช่า 108 ขออพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านด่านนอก หมู่7 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นเมื่อท่องเที่ยวชายแดนไทยมาเลเซีย
หลังจากที่ได้รับการประสานข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์หรือ (AOC) โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ว่ามีการนำอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้โทรหลอกเหยื่อมาติดตั้งไว้ในพื้นที่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลาการเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ต้องใช้คีมตัดเหล็กตัดกุญแจห้องพักออกถึงจะเข้าไปได้
จากการตรวจค้นพบภายในห้องพบอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ 2 เครื่องพร้อมสายไฟ เราเตอร์แบบใช้ซิมการ์ด 1 เครื่องพร้อมซิมการ์ด สายแลนอินเตอร์เน็ต 2 เส้น และกล่องพัสดุ 1 กล่อง โดยของทั้งหมดถูกซุกซ่อนไว้ใต้เตียงนอน
จากการสอบถามผู้จัดการอาคารทราบว่าห้องเช่านี้มี นาย POON WEI MIN ชาวมาเลเซียเป็นผู้เช่าไว้ โดยใช้มา 2 เดือนแล้ว เดือนละ 3,500 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ขอข้อมูลต่างๆ ของชาวมาเลเซียคนนี้เพื่อที่จะขยายผลในการติดตามตัวมาสอบสวนต่อไป
สำหรับอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ที่พบภายในห้องนั้นเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สามารถทำให้โทรหาโทรศัพท์ของเหยื่อเพื่อหลอกลวง โดยซิมบ็อกซ์ 1 เครื่องใช้โทรหาโทรศัพท์ของเหยื่อได้ 2 แสนคนต่อวัน และเป็นรูปแบบใหม่ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์นำมาใช้โทรหลอกเหยื่อ โดยเปิดห้องเช่าแห่งนี้่ซึ่งเปิดไว้ติดตั้งซิมบ็อกซ์โดยเฉพาะไม่ต้องมีคนเฝ้า
โดยซิมบ็อกซ์จะเป็นตัวสุ่มโทรออก ใช้ซิมโทรศัพท์มือถือใส่ในเราเตอร์ แล้วปล่อยสัญญาณอินเตอร์ไปยังซิมบ็อกซ์ โดยจะรันหมายเลขโทรศัพท์ของเหยื่อไปเรื่อยๆ เมื่อมีการรับสายก็จะมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์พูดคุยอีกที
สำหรับไทม์ไลน์ของการเข้าตรวจค้นห้องเช่าที่ติดตั้งซิมบ็อกซ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่บ้านด่านนอก ต.สำนักขาม อ.สะเดา ข.สงขลา แห่งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณต้นเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ที่รับผิดชอบศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ได้รับเรื่องจากการแจ้งความออนไลน์ เนื่องจากมีประชาชนจำนวนหลายรายได้รับความเสียหายจากการโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน
โดยพฤติการณ์ คือจะมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์แจ้งว่าผู้เสียหายมีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงิน หากต้องการพิสูจน์ความบริสุทธ์ใจ ให้โอนเงินไปยังบัญชีต่างๆ ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นแจ้ง หากไม่ทำตามจะถูกดำเนินคดี ทำให้ผู้เสียหายหลายราย เกิดความหวาดกลัว และได้โอนเงินไปตามที่ถูกแก็งค์คอลเซ็นเตอร์นั้นแจ้ง มีความเสียหายอย่างน้อย 2 ล้านบาท
โดยพบความเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.สะเดพา และมีการประสานข้อมูลมายังตำรวจกองปราบกองกำกับการ 6 ให้ลงพื้นที่สืบสวน จนทราบว่าพื้นที่ จ.สงขลา น่าจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ ปฏิบัติการทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงเริ่มต้นขึ้น โดยเริ่มจากเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ปี 67 ได้เข้าตรวจค้นอาคารแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สะเดา และยึดอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ได้ 2 เครื่อง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้หลายรายการ
จากนั้นได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อติดตามจับกุมเครือข่ายผู้เกี่ยวข้อง ต่อมาเมื่อประมาณเดือนธันวาคมปี 2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลพบว่าในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา น่าจะมีการติดตั้งเครื่องซิมบ็อกซ์อีก
ทางตำรวจกองปราบกองกำกับการ 6 จึงได้ทำการสืบสวนจนรู้สถานที่ติดตั้งซิมบ็อกซ์ จนนำมาสู่การเข้าตรวจค้นภายในห้องเช่าแห่งนี้ในพื้นที่บ้านด่านนอก ต.สำนักขาม อ.สะเดา และยึดอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ ได้อีก 2 เครื่อง และจะขยายผลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป
ทั้งนี้ทางศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ได้แจ้งประชาสัมพันธ์หากพบเห็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์คล้ายกับซิมบ็อกซ์ให้แจ้งศูนย์ AOC 1441 เพื่อทำการตรวจสอบต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ,ชายแดนไทยมาเลเซีย ,ซิมบ็อกซ์