อาชญากรรม

เปิดข้อมูลอบรมอาสาตำรวจจีน พบซื้อเสื้อกั๊ก-ป้าย-หมวกตราโล่ หลังกระทรวงกลาโหม

โดย nutda_t

4 ม.ค. 2568

222 views

กรณีเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 พลตำรวจตรีเกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 และ พันตำรวจเอกสุทธิศักดิ์ วันที รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ได้เรียกชาวจีน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดอบรมอาสาตำรวจ มหาวิทยาลัยสยาม มาสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด 5 คน คือ นักศึกษาปริญญาโทชาวจีน มหาวิทยาลัยสยาม 3 คน , อาจารย์หลี่ชาง และ นายหลี่หมิงหลง ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารสมาคมการค้าวาณิชธุรกิจไทย-จีน

โดยในการสอบปากคำ ช่วงแรก นายหลี่หมิงหลง แฝงตัวมา อ้างว่าจะมาเป็นล่าม แต่ตำรวจพบข้อมูลว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง จึงได้ซักถามละเอียด ซึ่งนายหลี่หมิงหลง อ้างว่า การจัดอบรมนี้ สมาคมเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด และก่อนหน้านี้จะไปอบรมที่พัทยา แต่โรงแรมไม่ว่าง

หลังจากไม่สามารถไปจัดอบรมที่พัทยาได้ ก็มาปรึกษากับ อาจารย์หลี่ชาง ที่เป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยสยาม เพราะอาจารย์หลี่ชาง มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาสมาคมฯ ด้วย อาจารย์หลี่ชาง จึงให้ใช้สถานที่มหาวิทยาลัยสยาม จะได้ไม่ต้องเช่าสถานที่ และยังมีนักศึกษาชาวจีน อาจารย์ชาวจีน หลายคนที่สนใจอบรมเป็นสมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรมและปัญหาการจราจร ซึ่งทางประเทศจีนได้ประสานงานมาที่สมาคมฯ ให้ช่วยคุ้มครองดูแลคนจีน ที่เป็นนักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัย ทางสมาคมฯ เลยต้องการให้ชาวจีนได้รับความปลอดภัย เพราะในบัตรที่ผ่านการอบรม ด้านหลังจะมีเบอร์แจ้งเหตุต่างๆ

จากนั้น อาจารย์หลี่ชาง ก็ติดต่อมายัง รองผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 เพื่อขอคำแนะนำว่า ถ้ามีการจัดอบรมแล้วจะออกบัตรแจ้งข่าวอาชญากรรม รถติด ปัญหาจราจร จะต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ซึ่ง ตำรวจ บก.น.3 ก็ให้คำแนะนำไป และได้รับเชิญให้ไปเป็นวิทยากรในวันเปิดอบรม

การจัดอบรมครั้งนี้ ผู้เข้ารับการอบรม มีบุคลากรของมหาวิทยาลัยสยาม 14 คน เป็นนักศึกษาชาวจีน 7 คน อาจารย์ชาวจีน 6 คน อาจารย์คนไทย 1คน และเป็นบุคคลภายนอกที่เป็นชาวจีน 13 คน โดยอ้างว่าเงินที่เก็บมาคนละ 38,000 บาท เป็นการเก็บเงินจากชาวจีนคนนอกทั้ง 13 คน รวมทั้งหมดประมาณ 490,000 บาท ส่วนนักศึกษาและอาจารย์นั้น ไม่ได้เรียกเก็บเงิน

ส่วนหมวก เสื้อ สัญลักษณ์ตำรวจ ที่แจกให้ อ้างว่าไปซื้อมาจากหลังกระทรวงกลาโหม และมีค่าตอบแทนวิทยากร ซึ่งตำรวจ บก.น.3 ไปแค่วันแรก รองผู้กำกับการสืบสวน เป็นวิทยากรวันแรก และมีวิทยากร คนอื่นๆ รวมถึงมีวิทยากรที่เป็นทนายความด้วย

ส่วนผู้กำกับการสืบสวน ไปเปิดวันอบรม และเป็นบุคคลที่ลงนามในใบประกาศ ซึ่งทางผู้กำกับการสืบสวน ระบุว่า เซ็นไปให้แค่ใบเดียว แล้วทางที่จัดอบรมนำไปสแกนเองทั้งหมด

ส่วนนักศึกษาชาวจีน 3 คน ให้การว่า มาเรียนปริญญาโทตามปกติ และเมื่อมหาวิทยาลัยประกาศว่าใครจะสมัครอบรมสมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรมและการจราจร จะมีการออกบัตรให้ ก็ได้สมัครเข้าอบรม เพราะมีจุดประสงค์ต้องการคุ้มครองนักศึกษาจีน เพราะบัตรมีอายุ 2 ปี

ทั้งนี้ จะเข้าข่ายความผิดอย่างไรบ้างนั้น พันตำรวจเอกสุทธิศักดิ์ วันที รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ระบุว่า ต้องพิจารณาว่าการจัดอบรมต้องได้รับการอนุญาตจากพื้นที่ และมหาวิทยาลัยต้องรับรู้ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่า หนังสือที่ส่งมาให้ทางตำรวจ บก.น.3 เพื่อขอคำแนะนำนั้น ไม่ได้ออกจากทางมหาวิทยาลัย เป็นหนังสือปลอม ก็จะมีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ และการจัดอบรมไม่ถูกต้อง รวมถึงกรณีการใช้เครื่องหมายของตำรวจโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งบุคคลที่เข้าข่ายการกระทำความผิดส่วนนี้ ก็คือ อาจารย์หลี่ชาง และ นายหลี่หมิงหลง ผู้จัดอบรม ส่วนผู้เข้ารับการอบรม ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด

ส่วนกรณีการเรียกเก็บเงิน 38,000 บาท จะต้องดูว่า มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่ ซึ่งหากมีผู้เสียหายยืนยันจะเอาผิดก็ต้องดำเนินคดี ในความผิดฐานฉ้อโกงกับผู้จัดอบรม คือ นายหลี่หมิงหลง ด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  คอร์สอบรมอาสาตำรวจจีน

คุณอาจสนใจ