อาชญากรรม

เปิดพฤติการณ์ยิง สจ.โต้ง ‘เลขาโกทร’ ยันคลิปเสียงทะเลาะกันจริง แต่เคลียร์ใจ-กราบเท้ากันแล้ว

โดย thichaphat_d

13 ธ.ค. 2567

853 views

จากกรณีนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง อายุ 48 ปี  อดีต ส.อบจ.ปราจีนบุรี  ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ และเป็นบุตรบุญธรรมของนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี ถูกยิงหลายนัดก่อนเสียชีวิตที่บันไดบ้านวิลาวัลย์ ของนายสุนทร จากปมผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ลงตัว และตกลงกันไม่ได้ จึงมีปากเสียงและยิงกัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวนายสุนทร พร้อมคนที่อยู่ในบ้านรวม 7 คน คุมไปสอบเข้มที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี

สำหรับพฤติการณ์เกิดเหตุ มีรายงานว่า เวลาประมาณ 19.30 น. สจ.โต้ง เดินทางมาถึงบ้านโกทร จากนั้น โกทร เดินออกมาหน้าประตูบ้าน โดยมีรองนายกอบจ.ท่านหนึ่ง อยู่ที่หน้าประตูบ้านด้วย จากนั้นเกิดการโต้เถียงกัน ตามคลิปที่ปรากฎประมาณ 20 นาทีกว่าๆ

หลังจากนั้นโกทร ก็ร้องไห้ ปาดน้ำตา แล้วเดินเข้าบ้านเพื่อขึ้นไปห้องนอน โดย สจ.โต้งได้เดินเข้าไปส่งที่ห้องนอน ซึ่งการเดินไปส่งถือเป็นปกติทุกครั้งที่ สจ.โต้ง มาหาโกทร แล้วสจ.โต้ง ก็เข้าไปคุยกับโกทร ในห้องนอนประมาณ 20 นาที

หลังจากคุยเสร็จ สจ.โต้งเดินออกจากห้องนอน เพื่อจะเดินทางกลับ แล้วเดินลงบันได โดยระหว่างเดินลงบันได สจ.โต้ง หันไปเห็นลูกน้องโกทร จำนวน 4 คน ที่หลบอยู่ในห้องใกล้กับห้องนอนโกทร เป็นลักษณะอยู่ห้องมุมซ้ายขวาของห้องนอน  คล้ายกับเตรียมการเพราะมีการถืออาวุธปืน เมื่อ สจ.โต้ง เห็นว่า ลูกน้องโกทร ถืออาวุธปืน จึงตัดสินใจวิ่งหนี แต่ไม่ทัน เพราะถูกลูกน้องโกทร ใช้อาวุธปืน ยิงไปที่ด้านข้าง จนล้มลง หลังจากนั้น ก็ถูกกระหน่ำยิงด้วยอาวุธปืนในเบื้องต้น 2 กระบอก คือ 9 มม. และปืนลูกซอง จนตกบันไดมาชั้น 1

ทั้งนี้ จากการสอบปากคำ พบว่า นอกจากที่ถืออาวุธปืน 4 คน ด้านบนชั้น 2 แล้ว ยังมีลูกน้องโกทรอีก 2 คนที่ยืนอยู่ชั้นล่าง ลักษณะคุมเชิง แต่ไม่ได้ถืออาวุธปืนด้วย  เมื่อลูกน้องของ สจ.โต้งได้ยินเสียงปืน จึงได้มีการยิงสวนเข้าไปในบ้าน ทำให้เกิดการยิงตอบโต้ปะทะกัน ตามร่องรอยวิถีกระสุน ทั้งเข้าและออก ที่ตรวจสอบพบ

โดยแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าโกทร น่าจะมีส่วนรู้เห็นให้กระทำการดังกล่าว เนื่องจาก สจ.โต้ง เป็นถึงลูกบุญธรรม หากไม่มีไฟเขียวให้กระทำการ ลูกน้องก็คงจะไม่กล้าลงมือ และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบ้านพัก ปรากฎว่า ไม่มีการบันทึกภาพขณะเกิดเหตุด้วย

ส่วนบาดแผลร่องรอยกระสุนที่เข้าถูกลำตัวของสจ.โต้ง พบว่า มีหลายขนาด แต่ขณะนี้สามารถตรวจยึดกระบอกที่ยิงได้เพียง 2 กระบอกเท่านั้น ส่วนอีก 2 กระบอกที่พบลักษณะกระสุน ยังไม่พบอาวุธปืนดังกล่าว

ทั้งนี้ ยังมีรายงานข่าวว่า ก่อนจะ สจ.โต้ง จะเข้าไปที่บ้านโกทร สจ.โต้งกำลังจะเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร ซึ่งเดินไปถึง อ.องครักษ์ จ.นครนายก จากนี้ตัดสินใจวกรถกลับมาหาโกทรที่บ้านพร้อมกับลูกน้อง 10 คน รถทั้งหมด 3 คน จนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าว

รายงานระบุ ที่ผ่านมา สจ.โต้ง กับโกทร มีปากเสียงเรื่องการหาผู้สมัครลงแข่งชิงเก้าอี้นายกฯ อบจ.ปราจีนบุรี แทนโกทรที่จะหมดวาระลง  ซึ่งก่อนหน้านี้โกทรบอกจะไม่ลงสมัคร  ทำให้ สจ.โต้ง เปิดตัวภรรยาเพื่อลงสมัคร ในฐานะเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน แต่ปรากฏโกทรกลับลำ ขอลงชิงตำแหน่ง นายกฯ อบจ.ปราจีนฯ  อีก 1 สมัย จึงเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ทั้งคู่ มีรอยร้าว

สจ.โต้งเป็นทั้งลูกบุญธรรม คนสนิทมือขวา ที่จัดการออกหน้าให้โกทรในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีความต่างๆ แต่ยังรวมไปถึงธุรกิจ และการประมูลงานทั่วทั้งภาคตะวันออก

จากการสันนิษฐาน พบว่า ลักษณะการก่อเหตุเป็นยุทธวิถี ที่บุคคลธรรมดาไม่สามารถทำได้ ต้องเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาจากผู้เชี่ยวชาญ  หรือ ต้องเป็นคนที่มีความรู้เฉพาะทาง ที่นำมาใช้จัดการกับ สจ. โต้ง

โดยเริ่มจากการใช้ปืนลูกซอง MK 12 ยิงเปิดก่อน 1 นัด เพื่อหวังให้เหยื่อบาดเจ็บ หรือ ต้องการหยุดยั้งเหยื่อไม่ให้หนี หรือเดินต่อไปได้ แต่ปรากฏว่า สจ.โต้ง พยายามวิ่งหนีตายคมกระสุน จากชั้น 2 ลงมาชั้น 1 จากนั้น กลุ่มคนร้าย ใช้ปืน 9 มม. ยิงซ้ำ จากด้านหลัง ซึ่งสอดคล้องกับผลชันสูตรพลิกศพ พบว่า สจ.โต้ง ถูกยิงจากด้านหลัง 1 นัด ที่ก้นอีก 2 นัด ในเวลาเดียวกัน

และยังพบด้วยว่า  สจ.โต้ง ถูกยิงที่หัว อีก  2 นัด ในระยะประชิด สอดคล้องกับผลชันสูตร สถาบันนิติเวช ที่มีลักษณะการยิงประชิด กระสุนทำลายปอด อวัยวะช่องท้อง จนเสียชีวิต

จากการตั้งข้อสังเกต พบว่า แผนสังหารครั้งนี้ มีการเตรียมการ ซึ่งจะสอดคล้องกับตำรวจที่แจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าคนโดยเจตนา กับผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ซึ่งตีความว่า แต่ละคนต้องแบ่งหน้าที่กันทำ แบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ถึงแม้จะไม่มีการสั่งการ ด้วยวาจา แต่เรื่องนี้ต้องไปตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์มือถือ อย่างละเอียด

ก่อนเกิดเหตุ มีรายงานว่า สจ.โต้ง พร้อมพวก 7 คน เดินทางไปที่บ้านโกทรแล้วครั้งหนึ่ง และย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่ปรากฎว่า  ครั้งที่ 2 สจ.โต้ง เข้าไปเพียงคนเดียว ส่วนลูกน้อง ถูกกันไว้ให้อยู่นอกตัวบ้าน แต่ยังอยู่ในรั้วบ้าน และพบว่ามีการล็อคประตูภายในบ้าน จนกระทั้งเสียงปืนดังขึ้น ลูกน้องของทั้ง 2 ฝ่าย ต่างรู้เหตุการณ์  ระหว่างนั้นกลุ่มลูกน้องโกทรได้ห้าม ลูกน้อง สจ.โต้งว่า อย่ายุ่ง เป็นเรื่องของนาย  

ทั้งนี้ หากผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่พบคราบเขม่าดินปืนที่มือของ สจ.โต้ง หรือ มีหลักฐานบ่งชี้ว่า สจ.โต้ง ไม่ได้พกปืน ยิ่งทำให้เชื่อได้ว่า เป็นการวางแผนล่วงหน้า สั่งตาย สจ.โต้ง

จากการวิเคราะห์ ตามข้อมูลของคนสนิทโกทร ที่อ้างว่า ลูกน้องโกทรไม่พอใจ ที่ถูก สจ.โต้ง ตบหัวนั้น น้ำหนักอาจฟังไม่ขึ้น ที่ทำให้ถึงขั้นยิงกัน เพราะทุกคนในบ้านต่างรู้ดีว่า สจ.โต้ง เป็นทุกอย่างให้โกทรจึงเชื่อได้ว่า ต้องมีคนสั่งการ หรือ บงการ

ซึ่งคดีนี้ เรียกว่าเป็นการท้าทายการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสืบค้นข้อมูล พยานหลักฐาน ความเชื่อมโยง โดยเฉพาะกุญแจสำคัญ คือ กล้องวงจรปิดภายในบ้าน ที่จะทำให้รู้ไทม์ไลน์ตั้งแต่เข้าบ้าน จนกระทั่งถูกยิงเสียชีวิต  

ด้านนางอุทัยวดี หนึ่งในคนที่เคยทำงานร่วมกับนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี เดินทางมาติดตามดูเหตุการณ์ที่บ้านนายสุนทร ขณะที่ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง

โดยนางอุทัยวดี เล่าให้ฟังว่า คืนเกิดเหตุตนเองมาดูที่เกิดเหตุแล้ว แต่อยู่ด้านนอกเพราะไม่อยากไปรบกวนการทำงานของตำรวจ ซึ่งส่วนตัวสนิทกับโกทร เพราะเคยช่วยงานการเมือง ไปออกงานด้วยกัน และส่วนตัวเท่าที่รู้จักโกทร เป็นคนนิสัยดี ใจดี ใจเย็น เป็นที่รักของชาวบ้าน และเป็นสายบุญ  ซึ่งส่วนตัวไม่เชื่อว่า โกทร จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุยิง สจ.โต้ง เพราะแกรักของแก เท่าที่ตนเองได้สัมผัส โกทรรัก สจ.โต้ง เป็นลูก ส่งเสริมทุกอย่าง ไม่เห็นมีปัญหาหรือมีปากเสียงอะไรกัน  

ส่วน สจ.โต้ง ตนเองไม่ได้สัมผัสมาก เลยไม่ทราบว่าใจร้อนหรือไม่ แต่เท่าที่รู้เขาเป็นคนใจนักเลงแต่เป็นคนใจดี ชาวบ้านก็รักเขา ทั้ง สจ.โต้ง ทั้งโกทร เพราะ สจ.โต้ง เป็นลูกบุญธรรม และโกทรก็เมตตา สจ.โต้ง มาก ไปไหนก็จะบอกว่า สจ.โต้ง เป็นลูกตลอด

พร้อมยอมรับว่า ส่วนตัวรู้ว่า โกทร จะวางมือทางการเมือง เพราะโกทร เคยมาพูดให้ฟังว่า “โกจะลงอีกที เดี๋ยวโกก็วางแล้ว ให้เขา” ก็คือให้สจ.โต้ง หนุน สจ.โต้ง ขึ้นมาแทนตำแหน่ง และจะช่วยหาเสียงด้วย แต่ตนเองไม่แน่ใจว่าจะวางมือทางการเมืองสมัยนี้หรือสมัยหน้า แต่วางมือแน่นอน เพราะโกทรเต็มที่แล้วจะให้เด็กขึ้นมา

ด้านนายพงศกร เลขาของโกทร มาเยี่ยมโกทรที่โรงพัก ก่อนเปิดเผยภายหลังได้เข้าเยี่ยมโกทรว่า ปกติแล้ว สจ.โต้งจะเข้ามาหาโกทรเป็นปกติ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เท่าที่ตนได้พูดคุยกับโกทร ก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

โดยก่อนเกิดเหตุ สจ.โต้ง ได้ไปส่งโกทรเข้านอนที่ห้องชั้น 2 แล้ว จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ตนก็ไม่กล้าไปถามละลาบละล้วงว่าได้คุยกับลูกน้องหรือไม่ แค่ถามว่าโกทรเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม

โกทรเล่าว่า จังหวะที่เกิดเหตุ โกทรอยู่ในห้องนอนแล้ว ได้ยินเสียงปืน แต่ไม่กล้าออกมาดูเพราะกลัว ไม่รู้ว่าเป็นเสียงปืนจากฝั่งไหน ซึ่งโกทรบอกว่าไม่รู้ว่าลูกน้อยมีสาเหตุโกรธเคืองอะไรกับ สจ.โต้ง

แต่เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ยืนยันว่าได้เคลียร์ใจกันแล้ว สจ.โต้ง ก็ประคองขึ้นห้อง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น โกทรประกาศมาตลอดว่าจะไม่ลงเลือกตั้งแล้ว จะสนับสนุนให้ภรรยาของ สจ.โต้ง ลงแทน ซึ่งไม่มีการแข่งกันอยู่แล้วเพราะเป็นพ่อลูกกัน

ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โกทรก็เสียใจ เพราะมีความผูกพันกันมา ไม่มีใครอยากให้เกิดความสูญเสีย ตอนนี้ปราจีนบุรีก็กำลังพัฒนา กำลังจะมีการเลือกตั้ง แต่ก็ต้องมาเกิดเหตุแบบนี้ และตอนนี้โกทร มีอาการเครียดนิดหน่อย เพราะวันก่อนเกิดเหตุ ก็เพิ่งกลับจากหาหมอด้วย โกทรมีโรคประจำตัวหลายโรค ส่วนตนกับ สจ.โต้ง ปกติจะไม่ได้คุยกันมาก เพราะแต่ละคนจะมีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง แต่จะคอยแวะเวียนไปหาโกทรบ้าง

สำหรับโกทรเป็นเจ้านายตน เป็นคนใจดี อยู่ด้วยมานาน หากถามว่าเชื่อไหมว่าโกทรเป็นคนบงการ ตนพูดไม่ได้ ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดีกว่า แต่ยืนยันว่าโกทรเป็นผูัใหญ่ใจดี คนในปราจีนบุรีรัก ลงเลือกตั้งก็ได้ตลอด ไม่เคยรังแกข่มเหงใคร

กรณีคลิปเสียงที่ปรากฎออกมาตามสื่อนั้น ยอมรับว่าก็เป็นเหตุการณ์ที่มีการโต้เถียงกันจริง แต่เป็นช่วงที่ สจ.โต้ง มาถึงแรกๆ ก็พูดกันแรง อารมณ์เสีย แต่หลังจากนั้นก็คุยจบแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งการพูดรุนแรงตนไม่รู้ว่าใครเริ่มก่อน เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ยืนยันได้ว่ามันจบแล้ว โกทรบอกว่า สจ.โต้ง ยังกราบเท้าโกทร ขอโทษที่ก้าวร้าว และพาขึ้นห้องนอน


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ufKcEJT91kQ


คุณอาจสนใจ

Related News