กลุ่มตุ๊กตุ๊กกระทืบไรเดอร์แถวเยาวราช เข้ามอบตัวตำรวจแล้ว

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา ไรเดอร์ถูกกลุ่มรถตุ๊กตุ๊กรุมทำร้ายร่างกายบนถนนเยาวราช บริเวณใกล้ปากทางเข้าซอยผดุงด้าว จนปรากฏคลิปลงในสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ไรเดอร์ได้รับบาดเจ็บและได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 2

ทีมข่าวอาชญากรรม ช่อง 3 ได้สอบถามข้อมูลความคืบหน้าทางคดีกับ พ.ต.อ.วิทวัส เข่งคุ้ม ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 โดยเปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง กลุ่มผู้ก่อเหตุประมาณ 4 คน ได้เข้ามามอบตัวกับทางพนักงานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


โดยเบื้องต้นมีพยานหลักฐานและผู้เสียหายยืนยันผู้กระทำความผิด 2 ราย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย มีอาวุธประเภทไม้เบสบอลในที่สาธารณะ และทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 รายให้การรับสารภาพในข้อหาทำร้ายร่างกายและพกพาอาวุธ ส่วนข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ผู้ต้องหายังให้การไม่ยอมรับ


ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุอีก 2 รายนั้น ยังปรากฏพยานหลักฐานไม่ชัดเจนและต้องรอให้ทางผู้เสียหายมาชี้ตัวยืนยันอีกครั้ง


นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไม่มีใบขับขี่สาธารณะ อ้างว่าอยู่ระหว่างการต่อใบ รวมทั้งมีเรื่องของการแต่งกายไม่เรียบร้อย จึงจะส่งเรื่องเปรียบเทียบปรับต่อไป ส่วนเรื่องของวิทยุนั้น อยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าได้รับใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่


โดยหลังจากนี้ จะดำเนินการประสานเพื่อขอผลการชันสูตรบาดแผลของผู้เสียหายจากแพทย์อย่างละเอียด เพื่อพิจารณาต่อไปว่าจะเป็นการเข้าข่ายทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เนื่องจากเป็นการเข้ามามอบตัวด้วยตนเอง ถึงจะแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายและปล่อยตัวไป โดยจะนัดหมายเพื่อส่งตัวฟ้องต่ออัยการอีกครั้ง


นอกจากนี้ เตรียมจะหารือร่วมกับทางกรุงเทพมหานคร อู่รถตุ๊กตุ๊กและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันจัดระเบียบรถบริการสาธารณะในพื้นที่ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่เยาวราช และสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนว่า จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้อีก รวมทั้งเน้นย้ำว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าไปก่อเหตุซ้ำซ้อนจนเกิดความรุนแรงบานปลายตามที่ปรากฏในสื่อโซเชียล


ทั้งนี้มีรายงานว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีความประสงค์ที่ต้องการจะมามอบตัว เพราะเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัว อีกทั้งยังถูกทางสังคมและสื่อมวลชนกดดัน รวมทั้งมีความวิตกกังวลว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์บานปลาย