อาชญากรรม
เปิดคำสารภาพ หญิงฆ่าแม่ยายอัยการ แฉประวัติเคยมีคดี ติดคุกที่เยอรมัน 10 ปี
โดย nattachat_c
19 พ.ย. 2567
98 views
เปิดคำสารภาพ สุดโหด 'คดีฆ่าแม่ยายอัยการ' ชิงทรัพย์ ใช้เหล็กฟาดหัว - ทุบนิ้วจนขาด ลูกสาวผู้ตาย เผยประวัติ เคยฆ่าคนมาแล้วที่เยอรมนี เป็นเหยื่อรายที่ 3 ด้านน้องชายคนตายถาม “มึงทำพี่สาวกูทำไม” ขณะที่ ผู้ก่อเหตุพูดคำเดียว “ขอโทษ”
จากกรณี นางวรรณา แม่ยายของอัยการ ถูกฆาตกรรมตัดนิ้วมือ ทิ้งศพในสวนปาล์ม ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง หลังไปทำบุญงานกฐิน ที่สำนักสงฆ์ปฏิบัติเขาพลอย
โดยมีผู้ไปพบศพ เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังพบว่าสิ่งของมีค่าได้หายไป คือ
- สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท
- สร้อยข้อมือ 2 บาท
- แหวนเพชร 2 วง
- ต่างหูทองคำ 1 คู่
- ต่างหูทองคำฝังเพชร 1 คู่
- โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ต่อมา ตำรวจคุมตัวนางกมลวรรณ อายุ 57 ปี เพื่อนของผู้ตาย มาสอบปากคำ ก่อนแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
วานนี้ (18 พ.ย.67) ความคืบหน้าจากการสอบสวน นางกมลวรรณ รับสารภาพแล้ว โดยให้การอ้างว่า พาผู้ตายมาที่บริเวณจุดเกิดเหตุ แล้วลงมือทำร้ายจนเสียชีวิต โดยก่อเหตุเพียงคนเดียว ซึ่งมีรายงานว่า ผู้ต้องหายอมรับสารภาพเพราะจนมุมด้วยหลักฐานคือ เส้นผมของผู้ต้องหาเข้าไปติดอยู่ในเล็บของผู้ตาย คาดว่าอาจเป็นช่วงระหว่างต่อสู้กันก่อนเสียชีวิต
นางกมลวรรณ ให้การว่า ในวันที่ 15 พ.ย. ได้โทรศัพท์หาผู้ตาย หลังกลับจากวัดที่ไปทอดกฐิน โดยชวนไปหาพี่ชายของตนเองที่ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง โดยขับรถไปรับที่บ้านผู้ตาย
จากนั้น ขับรถมาจนถึงที่เกิดเหตุ บริเวณสวนปาล์ม ช่วงบ่าย 4 โมงเศษ นางกมลวรรณลงจากรถมาก่อน เรียกผู้ตายให้ลงจากรถมาคุยกัน แต่ผู้ตายไม่ยอมลง บอกว่าจะมืดแล้ว ต้องกลับบ้านแล้ว จึงได้ฉุดกระชากลงมา แล้วใช้เหล็กแป๊บที่เตรียมมา ตีที่หน้าผากจนผู้ตายล้มลง แล้วใช้เหล็กแป๊บรัวตีแบบนับไม่ถ้วน จนแน่นิ่งไป ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จนแน่ใจว่าตายแล้ว จึงได้ปลดสร้อยทองคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู
ส่วนแหวน เอาออกจากนิ้วไม่ได้ จึงใช้เหล็กแป๊บทุบนิ้วจนขาด เพื่อถอดแหวนออก ก่อนจะโยนนิ้วทิ้งไปทั้งสองข้าง แล้วขับรถหนีไป นำเหล็กแป๊บไปทิ้งในถังขยะซอย 3 ใกล้ที่เกิดเหตุ และนำโทรศัพท์ของผู้ตายที่ตนทุบจนแตกพังเสียหาย ใส่ถุงไปทิ้งในคลอง ก่อนจะขับรถนำทอง แหวน ต่างหู ไปขายที่ร้านทองในตลาดบ้านบึง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้เงินมากว่า 8 หมื่นบาท นำเงินไปใช้หนี้พนันจนหมด
จากนั้น ขับรถกลับไปบ้าน รุ่งเช้าก็นำรถไปล้าง จนบ่าย ๆ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้าน นำตัวไปสอบสวน ซึ่งตอนแรกผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่มายอมรับสารภาพเพราะจนมุมต่อหลักฐาน และอ้างว่า ที่ทำไปเพราะติดหนี้พนันบัคคาร่า
ความคืบหน้า ล่าสุด เวลา 11.00 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 พันตำรวจเอก พัฒนา รอบรู้ ผู้กำกับการ สภ.วังจันทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการควบคุมตัว นางกมลวรรณ มาชี้ที่ร้านทอง เขตเทศบาลเมืองบ้านบึง ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ซึ่งผู้ต้องหาได้นำทองของผู้ตาย ประกอบไปด้วย แหวน 2 วง สร้อยคอ1 บาท สร้อยข้อมือ 1 บาท มาขายในราคา 88,300 บาท ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17. 25 น. ที่ใช้รถคันก่อเหตุ สีขาว มาจอด โดยสวมชุดนอน แล้วเข้าไปในร้าน อ้างใช้ชื่อเก่า และไม่ได้ให้บัตรประชาชน โดยอ้างทางร้านว่าบัตรประชาชนหาย ก่อนรับเงิน แล้วขับรถไป
ด้าน นางสาวกบ (นามสมมุติ) หลานเจ้าของร้านทอง กล่าวว่า ตามที่กล้องวงจรปิดจับภาพ ผู้ต้องหา ได้ขับรถเก๋งสีขาวมาจอดหน้าร้าน และเข้ามาในร้าน ได้ยื่นแหวนมา ก่อนอ้างว่าแหวนมันเบี้ยวเลยต้องการขาย แล้วได้นำสร้อยคอ กับสร้อยข้อมือ ออกมาขอขายพร้อมกัน อ้างว่าเก่าแล้ว พอได้เงิน ก็ออกจากร้านไป จนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถาม ไม่มีข้อมูล เพราะ ตอนเอามาขาย ได้ใช้ชื่ออื่น ที่ไม่ใช่ชื่อปัจจุบัน ซึ่งคนร้าย ตอนเข้ามาขาย ไม่มีอาการตกใจ หรือตื่นเต้นอะไร เหมือนลูกค้าทั่วไป
พ.ต.อ.พัฒนา รอบรู้ ผกก.สภ.วังจันทร์ นำเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนางกมลวรรณ ไปค้นหาท่อนเหล็กแป๊ปที่ใช้เป็นอาวุธฆาตกรรม ซึ่งนำไปทิ้งในถังขยะใกล้ที่เกิดเหตุ
ต่อมาช่วงเที่ยง เจ้าหน้าที่คุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยผู้ตายมีท่าทางอิดโรย เจ้าหน้าที่จัดกำลังคุมเข้ม หวั่นผู้ต้องหาถูกรุมประชาทัณฑ์ ซึ่งขณะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พบว่า นายสมชาย น้องชายของผู้ตาย เดินทางมาจาก จ.จันทบุรี มาร่วมดูการทำแผนด้วย นายสมชายตะโกนถามผู้ต้องหาอย่างดุเดือดว่า "ทำพี่กูทำไม ไม่ตายดีแน่"
นายสมชาย บอกกับผู้สื่อข่าวว่า อยากมาดูหน้าผู้ก่อเหตุ อยากถามว่าทำไมถึงทำเรื่องโหดร้ายกับพี่สาวของตนได้ถึงเพียงนี้ ถ้าไม่มีเงิน ขอเขาดี ๆ เชื่อว่าพี่สาวให้แน่ แต่นี่ถึงกับฆ่ากัน ทั้งที่เป็นคนรู้จักกัน ตนเสียใจมากที่ต้องสูญเสียพี่สาวไปอย่างไม่มีวันกลับ และตนยังไม่เชื่อว่าฆาตกรจะมีคนเดียว ส่วนศพของพี่สาว จะนำไปประกอบพิธีที่วัดใหญ่สว่างอารมณ์ จ.นนทบุรี
หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จ เจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องหากลับไปที่ สภ.วังจันทร์ จากนั้นเวลา 14.00 น. จึงนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดระยอง โดยขณะที่นำตัวไปขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนางกมลวรรณ ปรากฎว่า น้องชายของผู้ตาย ปราดเข้ามา และตะโกนด่าทอด้วยความโมโห ถามว่า "ฆ่าพี่สาวกูทำไม" ตำรวจจึงต้องเข้ามาห้ามไว้
ด้าน พลตำรวจตรีฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 แถลงข่าว ระบุว่า หลังจากตำรวจรับแจ้งพบศพผู้ตาย ก็เร่งสืบสวนจนทราบตัวคนร้าย และขออนุมัติหมายจับ นางกมลวรรณ ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือ ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย” จับกุมได้พร้อมของกลาง เป็นสร้อยคอทองคำ 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำ 1 เส้น แหวนเพชร 2 วง และรถที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนมูลเหตุจูงใจ เพราะผู้ต้องหามีหนี้สินจำนวนมาก และเห็นว่าผู้ตายมีทรัพย์สินติดตัวเป็นจำนวนมาก จึงวางแผนก่อเหตุโดยประสงค์ต่อทรัพย์
ต่อมา ช่วงเย็น นางสาววรรณรัตน์ แสงแก้ว อายุ 35 ปี ลูกสาวของผู้ตาย นิมนต์พระมาเชิญดวงวิญญาณแม่ จากบริเวณจุดที่พบศพ เพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยลูกสาวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ลูก ๆ และญาติพี่น้องของคุณแม่ทั้งหมด ไม่ให้อภัยผู้ก่อเหตุ ส่วนตนเอง ไม่อยากผูกเวรกับผู้ก่อเหตุ แต่ก็ไม่ให้อภัย ขอให้ผู้ก่อเหตุไปชดใช้กรรมที่ทำกับคุณแม่ให้หมดสิ้น ตนได้จุดธูปบอกกล่าวกับแม่ว่า ตำรวจตามจับตัวคนร้ายได้แล้ว แม่ไม่ตายฟรีแน่นอน พร้อมกันนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.วังจันทร์ ที่สามารถนำตัวคนร้ายมาลงโทษได้ และขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยทำข่าว ทำให้ตนตามหาคุณแม่จนเจอ
ลูกสาวผู้ตาย บอกว่า หลังเกิดเรื่อง ตนกับพี่ชายนอนไม่หลับเลย เพราะสะเทือนใจกับการเสียชีวิตของคุณแม่ ส่วนเพื่อน ๆ ของคุณแม่ ทั้งชาวไทย และต่างประเทศ เมื่อทราบข่าว ต่างรับไม่ได้เช่นกัน เพราะคุณแม่เป็นคนจิตใจดี ช่วยเหลือเพื่อนอยู่เสมอ เป็นที่รักของเพื่อน ๆ
ส่วนผู้ก่อเหตุนั้น ตนเชื่อว่าต้องมีอาชีพคอยตบทรัพย์ชิงทรัพย์คนอื่นแน่นอน เพราะถ้าหากเดือดร้อนเรื่องเงิน แล้วมาขอยืมเงินจากคุณแม่ตน เชื่อว่าคุณแม่ต้องให้อยู่แล้ว เพราะคุณแม่เป็นคนใจดี และช่วยเหลือเพื่อนเสมอ แต่สำหรับผู้ก่อเหตุ ตนคิดว่าเขาน่าจะหวังอะไรมากกว่านั้น จึงลงมืออย่างโหดเหี้ยม หลอกพาคุณแม่ตนมาฆ่า แล้วยังตัดนิ้วทั้งสองข้างเพื่อหวังทรัพย์สิน หากไม่มีคนมาพบศพคุณแม่ ก็ไม่รู้ว่าต้องนอนอยู่ตรงนี้อีกกี่เดือน
ลูกสาวผู้ตาย ยังเปิดเผยด้วยว่า หลังจากกลุ่มคนไทยในเยอรมันทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณแม่ และทราบว่า คนร้ายคือนางกมลวรรณ ก็มีการแชร์ข้อมูลว่า นางกมลวรรณ เคยก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ 2 ราย รายแรกเป็นชาวต่างชาติที่นางกมลวรรณไปเจอในบ่อน ผู้เสียหายรายนี้เล่นได้เยอะ นางกมลวรรณจึงร่วมกับผู้ชายอีกคน รุมแทงผู้เสียหายรายนี้ 80 แผลจนเสียชีวิต ส่วนผู้เสียหายรายที่สองเป็นคนไทย ได้รับบาดเจ็บไม่เสียชีวิต ทำให้นางกมลวรรณ ต้องติดคุกที่เยอรมนี 10 ปี แต่มีสามีช่วยเรื่องคดี จนถูกส่งกลับมาประเทศไทย แล้วมาก่อเหตุกับแม่ของตนเป็นรายที่ 3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/swsrlakVO8s