อาชญากรรม
รวบคนไทย ร่วมจีนเทาแก๊งคอลฯ เช่าเบอร์ 02 กว่าหมื่นเลขหมาย โทรหลอกกว่า 700 ล้านครั้ง
โดย nutda_t
18 พ.ย. 2567
390 views
พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงปฏิบัติการ Operation Sip Trunk บุกทลายบริษัทผีจีนเทา ใช้เบอร์ 02 กว่าหมื่นเลขหมาย โทรหลอกลวงเหยื่อเสียหายทั่วไทยมากกว่า 700 ล้านครั้ง รวมความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท
โดย พล.ต.ท.ธัชชัย เปิดเผยว่า เนื่องจากมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสมาว่า พบความผิดปกติของการใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย 02-xxxxxxxx โทรมาหลอกลวงประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงได้ดำเนินการตรวจสอบ พบว่า กลุ่มหมายเลขโทรศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย 02 ดังกล่าว เป็นหมายเลขที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้โทรหลอกลวงประชาชน ให้ร่วมทำกิจกรรมและร่วมลงทุนรูปแบบต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังพบว่า ชุดหมายเลข 02 ดังกล่าวนั้น ได้จัดสรรให้แก่ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ โดยมีนิติบุคคลจำนวน 3 บริษัท ได้ขอจดทะเบียนเลขหมายดังกล่าว เพื่อประกอบธุรกิจอุปกรณ์ตู้สาขาแบบ SIP Server ด้วยระบบ SIP Trunk Solution โดยรูปแบบวิธีการทำงานของระบบ SIP Trunk Solution นั้น เป็นเทคโนโลยีเพื่อให้บริการรูปแบบโครงข่ายโทรศัพท์ประจำที่ที่ใช้งานผ่านโครงข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถบริหารจัดใช้งานเลขหมายผ่านระบบคอมพิวเตอร์ได้ โดยไม่ติดข้อจำกัดด้านสถานที่และการวางระบบโครงข่ายสายสัญญาณต่าง ๆ โดยจะเป็นหมายเลขที่ขึ้นต้นด้วย 02-xxxxxxx ทั้งหมด
จากการสืบสวนทำให้ทราบว่า มีนิติบุคคลจำนวน 3 ราย ได้ขอจดทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย 02 ดังกล่าว รวมจำนวน 11,201 เลขหมาย จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัททั้ง 3 แห่ง ทำให้ทราบข้อมูล ดังนี้
1. บริษัท หรวนหยุน อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด จดทะเบียนจำนวน 3,000 เลขหมาย พบสถิติการใช้งาน (call attempt) รวม 256,219,676 ครั้ง มีกรรมการบริษัท 3 ราย แบ่งเป็นชาวจีนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 1 ราย และเป็นชาวไทย 2 ราย
2. บริษัท ยูน เตี้ยน เค่อ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด จดทะเบียนจำนวน 6,000 เลขหมาย พบสถิติการใช้งาน (call attempt) รวม 345,339,574 ครั้ง มีกรรมการบริษัท 3 ราย แบ่งเป็นชาวจีน 2 ราย และเป็นชาวไทย 1 ราย
3. บริษัท พรีมา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน จดทะเบียนจำนวน 2,201 เลข พบสถิติการใช้งาน (call attempt) รวม 128,626,642 ครั้ง มีกรรมการบริษัท 3 ราย ซึ่งเป็นชาวจีนทั้งหมด
โดยการตรวจสอบย้อนหลังพบว่า ทั้ง 3 บริษัท ได้ใช้เบอร์ 02 โทรไปหาเหยื่อแล้วจำนวน 730,185,892 ครั้ง ส่วนกรรมการบริษัทชาวจีนทั้ง 3 แห่ง จากการตรวจสอบประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทย ไม่พบการเดินทางเข้าออกประเทศไทย มีเพียงชาวจีน 1 ราย ที่ได้ออกนอกประเทศไทยไปตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2566 และไม่ได้กลับเข้ามาประเทศไทยอีกเลย
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งขบวนการจำนวน 24 ราย เป็นต่างชาติ 9 ราย ซึ่งมีทั้งผู้ทำหน้าที่กรรมการบริษัทและเป็นผู้จัดการค่าใช้จ่ายของบริษัท ได้แก่ ชาวจีน 3 ราย , ชาวสิงคโปร์ 1 ราย , ชาวมาเลเซีย 1 ราย , ชาวเมียนมาร์ 1 ราย และชาวลาว 3 ราย รวมทั้งออกหมายจับคนไทย 15 ราย ซึ่งมีทั้งผู้ทำหน้าที่เป็นกรรมการบริษัท ผู้จัดการค่าใช้จ่าย และบัญชีม้า
โดยทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันนำข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ , ร่วมกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคลที่ปกปิดวิธีการและมีมุ่งหมายเพื่อการมิชอบด้วยกฎหมาย (สมคบกันเป็น อั้งยี่ หรือ ซ่องโจร) , สมคบกันกระทำความผิดฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และความผิดฐานบัญชีม้า
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการได้แล้วจำนวน 10 ราย เป็นคนไทย 9 ราย และสัญชาติเมียนมา 1 ราย นอกจากนี้ยังได้ประสานตำรวจสากล (Interpol) ในการออกหมายแดง เพื่อจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการชาวต่างชาติที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ กลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายที่ประเทศไทยต่อไป
พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินคดีในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่กลุ่มคนร้ายต่างชาติร่วมกับคนไทย ใช้กลไกการจดทะเบียนบริษัทมาเช่าโทรศัพท์หมาย 02-xxxxxxx เพื่อทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นโทรศัพท์พื้นฐานทั่วไปในประเทศไทย แต่แท้จริงแล้วโทรมาจากต่างประเทศตามชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน โดยปฏิบัติการดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยการมุ่งเน้นการตัดช่องทางสื่อสารของคนร้ายของประชาชน โดยเห็นผลได้จากในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา คดีอาชญากรรมจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
โดยหลังจากนี้ จะดำเนินการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิติบุคคลทั้ง 3 บริษัทว่าดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งและประกอบธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่าตามกฎหมายแล้ว ชาวต่างชาติสามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทรวมทั้งเป็นกรรมการบริษัทได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ทั้งนี้ หากเป็นธุรกิจที่สงวนเฉพาะคนไทยหรือเป็นธุรกิจที่ต้องมีใบอนุญาต ในส่วนนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่านิติบุคคลทั้ง 3 บริษัทนั้น ได้ขอใบอนุญาตในการทำธุรกิจที่มีข้อจำกัดทางกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งเป็นการแฝงทำธุรกิจผิดกฎหมายในนามบริษัทหรือไม่
แท็กที่เกี่ยวข้อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ,แก๊งจีนเทา