อาชญากรรม

"ผบ.ตร." ยันไม่แทรกแซงมติบอร์ดรพ.ตำรวจ ปมเวชระเบียน "ทักษิณ"

โดย nutda_t

10 พ.ย. 2567

88 views

เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ ก.ตร.มีมติให้ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็น ผบ.ตร. ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา  ผบ.ตร.ได้กำชับตำรวจทุกนายว่า ต้องให้บริการประชาชนทุกคนอย่างเป็นธรรมและรักษากฎหมาย และผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นต้องเร่งรัดและตั้งใจทำงานกับคดีต่างๆ ที่สังคมให้ความสนใจในช่วงนี้อย่างรวดเร็ว เช่น คดีป๋าเบียร์และแม่ตั๊กฉ้อโกงประชาชนในการหลอกขายทองคำ ,คดีดิ ไอคอนกรุ๊ปฉ้อโกงประชาชน ,คดีภรรยาบิ๊กตำรวจ และคู่กรณี ,คดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ,คดีตำรวจ 6 นาย ร่วมกันอุ้มและรีดทรัพย์ชาวจีน ,คดีบ่อนและพนันออนไลน์ ,คดีทุนจีนสีเทา ,คดีหลอกลวงประชาชนทางสังคมออนไลน์ ,การจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่จำนวนมากและคดีอื่นๆที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ เพราะ ผบ.ตร.ให้นโยบายกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ทุกคดีที่เกิดขึ้นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว รอบคอบ เป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อสร้างชื่อเสียงที่ดีและกอบกู้ภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจให้สังคมเชื่อมั่นอีกครั้ง หากตำรวจรายใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ผบ.ตร.เน้นว่าต้องดำเนินคดีถึงที่สุดอย่างเด็ดขาดทุกราย

สำหรับ กรณีที่ปรากฏทางสื่อว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำเรื่องขอเวชระเบียนการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะที่รับโทษจากโรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ไปถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบกลับนั้น  ตนรับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วว่า มีหน่วยงานหรือองค์กรอิสระติดต่อขอข้อมูลการรักษาตัวของทักษิณ จากโรงพยาบาลตำรวจ

“แต่ในส่วนของการบริหารราชการ ถึงแม้ตนจะเป็นผู้บังคับบัญชา แต่อำนาจสิทธิ์ขาดขึ้นอยู่กับคณะกรรมการของโรงพยาบาลตำรวจ ที่จะต้องพิจารณาคำร้องขอว่าสามารถให้ได้หรือไม่ อย่างไร ขอยืนยันว่า ประเด็นนี้โรงพยาบาลตำรวจ ไม่จำเป็นต้องขอความเห็นจาก ผบ.ตร. ส่วนเรื่องดังกล่าวจะมีนัยยะอะไรหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่กำชับให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

สำหรับในส่วนกรณีของฝ่ายการเมือง นักเคลื่อนไหวทางสังคม และนักกฎหมายบางคน พยายามกดดันมาที่ตน ว่า ผบ.ตร.ต้องสั่งการให้โรงพยาบาลตำรวจ ส่งข้อมูลของนายทักษิณ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อ หาก ผบ.ตร.ไม่กระทำ อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 นั้น หากพิจารณาสิ่งที่ได้กล่าวกับสื่อมวลชนในเรื่องนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ขอชี้แจงว่า กรณีของนายทักษิณ นั้น ผบ.ตร. จะไม่แทรกแซงการทำงาน การพิจารณาและการตัดสินใจของหน่วยงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ที่ต้องพิจารณาในรูปแบบของคณะกรรมการ โดยขอให้ไล่เรียงไทม์ไลน์กรณีนี้ด้วยว่า นายทักษิณ กลับประเทศและไปรายงานตัวต่อศาล และเข้าเรือนจำในวันที่ 22 ส.ค. 2566 และรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ 181 วัน โดยช่วงนั้นผู้บังคับบัญชาที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติคือ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ และพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. โดยช่วงนั้น ตนได้รับการแบ่งงานจาก พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ ให้กำกับดูแลหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ศปปง.ตร.) ,ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)และพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ มอบให้พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปราม

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า หากพิจารณาไทม์ไลน์อย่างเป็นธรรมจะพบว่า การรับผิดชอบหน้าที่ของตนในช่วงที่เป็นรอง ผบ.ตร.กับกรณีนายทักษิณ ที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจนั้น จะพบว่า ในช่วงนั้นตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลตำรวจเลย แต่กระแสกดดันจากหลายฝ่ายในตอนนี้ที่พยายามโยงว่า ผบ.ตร.อาจไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลของนายทักษิณ และอาจมีความผิดไปด้วยนั้น ต้องพิจารณาข้อกฎหมายและเคารพการพิจารณาของคณะกรรมการของโรงพยาบาลตำรวจในกรณีนี้ด้วย หากบางฝ่ายระบุว่าผบ.ตร.มีอำนาจสั่งการให้โรงพยาบาลตำรวจ ดำเนินการในเรื่องนี้ได้นั้น ควรพิจารณาอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายที่มอบให้ ผบ.ตร.รับผิดชอบด้วยว่ากระทำ,ไม่กระทำอะไรได้บ้าง ขอยืนยันว่า แม้วันนี้ ผบ.ตร.มีอำนาจหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย แต่ ผบ.ตร.ก็ต้องเคารพกฎหมายเหมือนประชาชนทุกคน ดังนั้น ผบ.ตร.จะกระทำในสิ่งนอกเหนือกฎหมายให้อำนาจหน้าที่ไม่ได้

"โดยตามนโยบายของตนคือ ทำดียกย่อง สรรเสริญ เชิดชู ให้รางวัล แต่ถ้าทำผิด ต้องมีความเด็ดขาดในการดำเนินการทางวินัย ซึ่งต้องการให้สังคมรับรู้ถึงภาวะความเป็นผู้นำ ที่ปราถนาให้ข้าราชการตำรวจเป็นข้าราชการที่ดีของประชาชนให้ได้" ผบ.ตร.กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ผบ.ตร. ,ทักษิณชินวัตร ,บิ๊กต่าย

คุณอาจสนใจ

Related News